เรียกได้ว่าเป็นกระแสมาอย่างต่อเนื่องเลยก็ว่าได้สำหรับ การเมืองก่อนการเลือกตั้งที่คนให้ความสนใจกันอย่างล้นหลาม
โดยย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.61 ที่ผ่านมา ทางด้านเฟสบุ๊คของ เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ได้มีการโพสต์คลิป ขณะที่ “นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรอนาคตใหม่
ดีเบต กับทางด้าน “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมระบุแคปชั่นว่า…อ่อนประสบการณ์
ซึ่งภายในคลิปนั้น นายธนาธร กล่าวว่า… เราต้องเข้าใจว่า การทำรัฐประหารซ้ำแล้วซ้ำเล่าในประเทศไทย มันมีผลอย่างมากต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย
ถ้าเราย้อนไป 50 ปีที่แล้ว จะเห็นว่า เวลานั้นมาเลเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน เกาหลี ไทย อยู่ในระนาบพัฒนาเดียวกัน ผ่านมา 50 ปี
มาเลเซีย มีรายได้ต่อหัวมากกว่าเรา 2 เท่าเกาหลีสูงกว่าเรา 4 เท่า สิงคโปร์สูงกว่าเรา 9 เท่า
นี่คือผลความต่างอย่างเป็นรูปธรรมของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในประเทศไทย เพียงแค่จะตามโลกให้ทันหรือรักษาสถานะแผนที่ของสังคมไทย
ในเวทีโลกได้เราต้องหมุนเร็วเท่าโลก ซึ่งระบบที่ไปใช่ประชาธิปไตยมันตามไม่ทัน
ทั้งนี้ทางด้าน นายอภิสิทธ์ กล่าวต่อว่า… ตนเองเห็นด้วยอยู่แล้วกับประเทศไทย ต้องวิ่งเร็วมากกับการสูญเสียโอกาสที่ผ่านมา
แต่ว่าเราอย่าไปเน้นจุดขายประชาธิปไตยโดยเน้นเรื่องผลลัพธ์ เพราะเราจะติดกับดักเดิม ทำไมเป็นอย่างนั้น
“เมื่อสักครู่คุณธนาธร พูดถึงว่าเราเคยตั้งตนเท่าๆกับมาเลเซีย สิงคโปร์ไต้หวัน ตนไม่แน่ใจว่าจะเรียกสิงคโปร์ว่าเป็นประชาธิปไตย “
แต่ถ้าเราดูประเทศที่ไปเร็วและไปไกลที่สุดคือ จีนซึ่งจีนกำลังขายหรือชูความเป็นระบบของเขา
และตนก็เชื่อว่าคนที่อยู่ในห้องนี้ก็ไม่ได้มองว่าจีนเป็นประชาธิปไตย สำหรับตนจะไม่ไปพูดถึงประชาธิปไตยโดยตั้งค่าเกรณวัดไว้แบบนั้นก่อน
แต่ตนตั้งความเป็นประชาธิปไตย อยู่ที่ว่ามันเป็นระบบที่ควรจะได้รับความเคารพและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิเสรีภาพ
แน่นอนว่าในบางช่วงการใช้สิทธิ์อาจจะเกินเลย การตัดสินใจบางขณะอาจจะเลือกคนผิด เลือกรัฐบาลผิดทำให้เกิดปัญหาขึ้น
แต่คุณค่าของระบอบประชาธิปไตยมันคือสามารถแก้ไขตัวเองได้ด้วยความยินยอมพร้อมใจของคนในประเทศ