หลายคนไม่เคยรู้ 9 สัญญานไฟแจ้งเตือนต่างๆบนหน้าปัดรถ ที่ผู้ใช้รถควรทราบ
สัญญานไฟเตือนต่างๆ เหล่านี้ ผู้ใช้รถควรทราบ เพราะ มันบ่งบอกความผิดปกติที่กำลังเกิดขึ้นในของรถคุณ
ก่อนที่จะลุกลามกลายเป็นปัญหาใหญ่ขึ้น เพื่อให้แก้ไขปัญหา และ ป้องกันได้ทัน เรามาเรียนรู้การสัญญาไฟ
เตือนต่างๆที่ขึ้นโชว์บนหน้าปัดรถกันดีกว่า ว่าบ่งบอกถึงอะไรได้บ้าง
เรียงลำดับตามความสำคัญ สีแดง –> สีเหลือง –> สีเขียว ( สำคัญสุดคือสีแดง ) ซึ่งถ้ามีสัญลักษณ์สีแดง
โชว์ขึ้นมานั้น บ่งบอกถึงความผิดปกติของรถที่คุณไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด
ไฟเตือนสีแดง หมายถึง ต้องหยุดใช้รถทันที และ รีบตรวจสอบความผิดปกติตามรูปไฟเตือนที่ปรากฎในทันที
ไฟเตือนสีเหลือง หมายถึง การแจ้งเตือน..! สามารถใช้งานรถต่อไปได้ แต่ต้องระมัดระวังในการใช้งาน
ไฟเตือนสีเขียว บอกถึงผู้ขับกำลังใช้งานอุปกรณ์ของรถยนต์ที่ไม่เกิดความเสียหายอยู่
ทีนี้เรามาลงลึกในรายละเอียด ลองดูกันว่าไฟเตือนต่างๆเหล่านี้บอกความหมายว่าอย่างไรกันบ้าง
สัญลักษณรูปตะเกียงน้ำมันมีน้ำหยด มักเกิดจาก น้ำมันเครื่องในเครื่องยนต์มีต่ำมากจนไม่สามารถไปหล่อ
เลี้ยงเครื่องยนต์ได้อย่างทั่วถึง หรือถ้าน้ำมันเครื่องแห้งมากๆ หากฝืนใช้รถต่อไปอาจทำให้เครื่องยนต์มีปัญหา
ถึงขั้นพังได้เลย หรือ ถ้าเช็คแล้วน้ำมันเครื่องยังอยู่ในระดับปกติ แต่มีไฟโชว์ขึ้นมาก็เป็นไปได้ว่า ปั๊มน้ำมันเครื่อง
อาจมีปัญหา ทำให้ไม่สามารถปั้มส่งน้ำมันเครื่องไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆของเครื่องยนต์ได้อย่างทั่ววถึง
สัญลักษณมีระบุคำว่า ABS อาจหมายถึงระบบเบรค ABS มีปัญหา ให้นำรถเข้าตรวจสอบกับอู่ทันทีครับ
( ระบบเบรค กับ ระบบเบรค ABS นั้นคนละส่วนกัน ) แสดงว่าระบบเบรกยังสามารถใช้งานได้ปกติอยู่ เพียง
แต่เมื่อมีการเหยียบเบรกกะทันหันจนล้อล๊อค ระบบ ABS อาจจะไม่ทำงานเท่านั้นเองครับ ( ABS คือระบบช่วย
ไม่ให้ล้อล๊อกเวลาเบรคกระทันหัน จนรถเสียการทรงตัวไถลไปตามพื้นถนน เป็นการช่วยลดโอกาสที่รถจะพลิก
คว่ำ หรือ ไถลตกข้างทาง )
สัญลักษณแบตเตอรี่ ขั้วบวก ขั้วลบ หลายคนเข้าใจผิดว่าเป็นการเตือนแบตเตอรี่เสื่อม แต่จริงๆแล้วหมายถึง
ไดร์ชาร์จทำงานผิดปกติ เช่น ไดร์ชาร์จเสีย ไดร์ชาร์จไม่ทำงาน ไม่ชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ หรือ ไม่มีการจ่ายไฟ
เข้าใช้งานในระบบรถยนต์ เมื่อใช้ไปเรื่อยๆอาจทำให้ระบบไฟฟ้าทั้งหมดในรถยนต์ไม่ทำงาน
สัญลักษณ์ถุงลมนิรภัย ปกติสัญลักษณ์นี้จะขึ้นมาค้างประมาณ 5 วินาทีหลังสตาร์ทรถ เป็นการเช็คถุงลม
นิรภัยของระบบตัวรถ ถ้าสัญลักษณ์นี้แสดงขึ้นมาค้างหลังจากสตาร์ทเครื่องไปแล้วไม่ยอมดับ ก็ควรเอารถ
เข้าอู่หรือศูนย์บริการเพื่อตรวจสอบการทำงานได้เลยครับจำเป็นอย่างมาก เพราะ หากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมา
จริงๆถุงลมนิรภัยอาจจะไม่ทำงาน
เครื่องหมายตกใจกลางวงกลม หรือ เบรค สัญลักษณ์เบรกนี้ ส่วนใหญ่จะขึ้นใน 2 กรณีคือ เมื่อมีการดึง
เบรกมือ หรือลดเบรกมือยังไม่สุด สัญลักษณ์นี้ก็จะติดขึ้นมา แต่ถ้าลดเบรกมือแล้วยังไม่ดับ คงต้องตรวจ
สอบระบบเบรก ซึ่งอย่างแรกที่ต้องดูคือระดับน้ำมันเบรก เพราะส่วนใหญ่แล้วสัญลักษณ์จะแจ้งเมื่อน้ำมัน
เบรกลดลงต่ำกว่าระดับปกติครับ แต่สำหรับบางรุ่นจะแยกกันระหว่างระบบเบรกกับเบรกมือไว้แยกจากกัน
โดยระบบเบรกจะเป็นเครื่องหมายตกใจ ส่วนเบรกมือ จะเป็นตัว P ให้ลองอ่านที่คู่มือประจำรถดูก่อนครับ
รูปปรอทมีขีดระดับน้ำ เป็นการเตือนเรื่องความผิดปกติของระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์ เช่น พัด
ลมหม้อน้ำไม่ทำงาน น้ำยาหล่อเย็นขาด หรือ รั่ว หากฝืนใช้รถต่อ อาจทำให้เกิดการ Over Heat ( อุณหภูมิ
ในเครื่องยนต์ร้อนสูงเกินขีดจำกัดที่เครื่องยนต์จะสามารถทำงานต่อได้ ) ซึ่งสร้างความเสียหายให้เครื่องยนต์
อย่างมาก
รูปตู้จ่ายน้ำมัน แสดงมาเมื่อไหร่แสดงว่าน้ำมันในถังอยู่ในระดับต่ำแล้ว ให้เติมน้ำมันก่อนที่น้ำมันจะหมด
โดยส่วนใหญ่ที่พบ น้ำมันจะเหลืออยู่ในถังอีกประมาณ 10-15% ของความจุถังถึงจะเริ่มแสดงขึ้นมา โดยจะ
วิ่งต่อได้อีกประมาณ 40-100 กิโลเมตร ขึ้นอยู่ว่าเป็นรถรุ่นไหนครับ ( เพิ่มเติมข้อมูล สัญลักษณ์รูป สามเหลี่ยม
เล็กๆ ด้านข้างถังนั้น ช่วยบ่งบอกว่าฝาถังน้ำมันอยู่ด้านไหน เวลาเข้าปั้มเติมน้ำมันจะได้จอดถูกฝั่งหัวจ่ายน้ำมัน)
รูปตู้จ่ายน้ำมันแต่มีจุดๆอยู่ด้านล่าง เมื่อแสดงขึ้นมา สามาถบ่งบอกว่ากรองน้ำมันมีปัญหา อาจเป็นเพราะ
กรองน้ำมันตัน หรือ มีน้ำผสมอยู่ในน้ำมันมาก
สัญลักษณ์เครื่องยนต์ ถ้าไฟรูปเครื่องโชว์ขึ้นมาแล้วไม่ดับเมื่อไหร่ แสดงว่าการทำงานของเครื่องยนต์เริ่มมี
ปัญหาแล้วครับ ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ที่ครอบจักรวาลของเครื่องยนต์มากๆ เพราะตัวนี้ตัวเดียว อาจแจ้งความผิด
ปกติหลายอย่าง เช่น ค่าอ็อกซิเจนผิดปกติ, สายพานเกินระยะกำหนด, ตัว ECU มีปัญหา ฯลฯ ซึ่งถ้าไฟรูปเครื่อง
ติด ต้องทำการตรวจสอบด้วยเครื่องของทางศูนย์บริการหรืออู่ ซึ่งรถส่วนใหญ่จะยังทำงานได้ปกติ แต่ในบางรุ่น
(โดยเฉพาะรถทางฝั่งยุโรป) จะล็อกความเร็วไว้ให้ไม่เกิน 60 กม./ชม. เพื่อให้ผู้ใช้งานนำรถเข้าตรวจสอบที่ศูนย์
บริการทันที และป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์เสียหายไปมากกว่าเดิมครับ
จากตัวอย่างสัญญานไฟเตือนที่ยกตัวอย่างมานั้น เป็นสัญญานไฟเตือนที่ผู้ใช้รถส่วนใหญ่มีโอกาสประสบพบ
เจอได้มากที่สุด ซึ่งก็มีอีกหลายสัญญานเตือนที่เราไม่ได้นำมาอธิบายรายละเอียด เพราะในรถบางรุ่นอาจมีสัญ
ลักษณ์พิเศษต่างๆที่เราไม่ได้ระบุไว้ ซึ่งท่านสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ในคู่มือรถ แต่ให้สังเกตุไฟเตือนถ้ามีสัญ
ลักษณ์เตือนแล้วเราไม่มั่นใจ ให้รีบนำรถไปให้ช่างเช็คเพื่อความปลอดภัยจะดีกว่า
**********************