เปิดใจโปรแกรมเมอร์หนุ่ม อนาคตดับเพราะจับได้ใบแดง(คลิป)
เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ชาวเน็ตกำลังให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เมื่อวันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา ได้มีเรื่องราว
ของหนุ่มโปรแกรมเมอร์รายหนึ่ง ออกมาโพสต์ตัดพ้อลงโซเชียลจากที่ต้องจับได้ใบแดง โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ใช้
ชื่อว่า Nutchanon Payakaphan ได้มีการแชร์ข้อความของหนุ่มคนหนึ่งที่โพสต์ตัดพ้อกับการที่ต้องจับได้ใบ
แดงโดยระบุข้อความว่า
ทั้งนี้หนุ่มคนดังกล่าวยังได้โพสต์ข้อความเพิ่มเติมด้วยว่า อดทน ฝึกฝน สั่งสมประสพการ สร้างอาชีพ
ไห้ตัวเอง กว่า 6 ปี เห็น บ้าน กับ รถ ลอยมาอีกไม่กี่วันแล้วแท้ๆ ทบ.2 มทบ.46 ลบภาพหมดเลย
นายณรงค์ฤทธิ์ หรือโอ๊ด ได้เปิดเผยว่า หลังจากที่จับได้ใบแดงเป็นคนแรกและต้องไปเป็นทหารเกณฑ์
ที่มทบ.46 จ.ปัตตานี ผลัด2 ในเดือนพฤศจิกายนนี้ แต่สิ่งที่กลัวมากที่สุดคือช่วงที่ไปเป็นทหาร2ปี จะกระ
ทบกับอาชีพโปรแกรมเมอร์เพราะลูกค้าอาจจะหายหมดและต้องเริ่มต้นใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมากๆในวงการนี้
จากปัจจุบันที่มีงานเข้ามาอย่างต่อเนื่องจากการสั่งสมประสบการณ์เขียนเขียนโปรแกรมไมโครคอนโทรล
เลอร์ซึ่งเป็นโปรแกรมเกี่ยวกับหุ่นยนต์มา6ปี เริ่มต้นจากรายได้หลักร้อยตั้งแต่วันละ200-300 บาทจนปัจจุบัน
มีรายได้หลักหมื่นจนถึงหลักแสนต่อเดือนเลยทีเดียว
นายณรงค์ฤทธิ์ ยังกล่าวว่า อาชีพโปรแกรมเมอร์ฟรีแลนกำลังไปได้ดีมีลูกค้าเพิ่มขึ้นและเชื่อในฝีมือมีงาน
เข้ามาอย่างต่อเนื่อง หากไปเป็นทหารในช่วง2ปีหลังจากนี้กลัวว่าจะต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่หมดและไม่รู้ว่าจะ
เริ่มต้นได้ดีเหมือนเก่าหรือไม่รวมทั้งเทคโนโลยีก็เปลี่ยนไปเรื่อยอาจจะขาดช่วงและขาดแรงบันดาลใจ และ
อาชีพโปรแกรมเมอร์ก็เป็นเหมือนกับอนาคตของตัวเอง รวมทั้งอาจไม่ได้เรียนต่อด้วย
นายณรงค์ฤทธิ์ บอกว่าตน ไม่ได้แอนตี้การเป็นทหารเพราะได้รับใช้ชาติและมีวินัย แต่หากเป็นไปได้ควร
เปลี่ยนไปเป็นทหารอาชีพเพราะมีคนจำนวนมากที่ต้องการสมัครเป็นทหาร ส่วนคนที่มีอาชีพอื่นอยู่แล้วก็จะ
ได้ทำในสิ่งที่รักและความฝันของตัวเอง
นายณรงค์ฤทธิ์ ย้ำถึงเส้นทางอาชีพโปรแกรมเมอร์ของตนว่า เริ่มจากการเรียนกศน.และเรียนต่อปวช.และสน
ใจด้านนี้ศึกษาอย่างจริงจังจนถึงชั้นปวส.จากนั้นได้ไปสอบด้านวิศวกรรมแมคคาทรอนิกส์ และย้ายไปเรียนวิศว
กรรมอิเลคทรอนิกส์และหยุดเรียนชั่วคราวก่อนที่จะออกมาทำงานเขียนโปรแกรม และกะว่าจะเรียนต่อในระดับ
มหาวิทยาลัยต่อไป
นายณรงค์ฤทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนภาพการจับใบแดงที่มีการเอาไปแชร์ต่อกันนั้นไม่ใช้ภาพของตัวเอง แต่
เป็นภาพของคนอื่นซึ่งเจ้าของรูปตัวจริงก็ได้โทรมาหาตนแล้วและได้ชี้แจงข้อเท็จจริงไปแล้วว่าไม่ได้เป็นคนเอา
มาลง แต่มีบางสื่อที่เอาภาพนี้มาลงประกอบกับเรื่องของตัวเอง
******************