เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

สำหรับผู้ใดที่เคยแวะเวียนไป ร้านภูฟ้า ที่ตั้งอยู่ชั้น ๒ สยามดิสคัฟเวอรี่เซ็นเตอร์ คงสะดุดตากับน้ำหอมขวดสวยที่ตั้งโชว์ไว้ในตู้โชว์ภายในร้าน นอกจากจะสะดุดตากับขวดสวยแล้ว ถ้าลองสูดกลิ่นของน้ำหอม หลายคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าหอมรัญจวนใจจริงจริง

สำหรับที่มาของน้ำหอม ๒ ขวดนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี พระราชทานสูตรน้ำหอมด้วยพระองค์เอง อีกทั้งพระองค์ยังพระราชทานนามด้วยว่า  รุ่งฟ้า เทวมนตรา

รองศาสตราจารย์ ด็อกเตอร์ สุชาดา กีระนันทน์ ประธานคณะกรรมการดำเนินงานร้านภูฟ้า กล่าวถึงที่มาของน้ำหอมพระราชทานทั้ง ๒ สูตรนี้ว่า สำหรับน้ำหอมรุ่งฟ้า สมเด็จพระเทพฯพระราชทานตอนเปิดร้านภูฟ้า เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๔๔ ซึ่งได้รับความนิยมมาก จากนั้นในช่วงปีเทศกาลใหม่ปีพุทธศักราช ๒๕๔๕ พระองค์พระราชทานมาอีก ๑ สูตร คือ เทวมนตรา

ปีแรกที่เปิดร้านภูฟ้า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ทรงกังวลมากว่าของจะขายได้ไหมนะ จะช่วยนำรายได้กลับไปสู่ชาวบ้านในชนบทได้หรือไม่ พระองค์ทรงคิดหลายๆ อย่างว่าทำอย่างไรให้คนเข้ามาดูของในร้านประจวบเหมาะกับที่พระองค์เคยเสด็จฯโรงงานทำน้ำหอม เครื่องหอมไทย จีน จำกัด โรงงานนี้ถวายงานเรื่องน้ำหอมมาตลอด พระองค์เลยทรงคิดว่า ในร้านภูฟ้าน่าจะมีน้ำหอมประจำร้าน จึงเกิดน้ำหอมสูตรพระราชทานทั้งสองสูตรนี้

แต่กว่าจะได้น้ำหอมทั้งสองสูตรนี้มา ประธานคณะกรรมการดำเนินงานร้านภูฟ้าเล่าให้ฟังว่า สมเด็จพระเทพฯทรงตั้งพระทัยเป็นอย่างมากในการทำน้ำหอมพระราชทาน ๒ สูตรนี้ ทรงมีพระประสงค์ให้นำดอกไม้ไทยกว่า ๒๐๐ ชนิด มากลั่นรวมกัน แล้วพระองค์ทรงปรับโทนกลิ่นของน้ำหอมด้วยพระองค์เอง

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี มีพระประสงค์ในการทำน้ำหอม ๒ ขวดนี้คือ ต้องการให้น้ำหอม ๒ ขวดนี้เป็นของคนไทย ดังนั้น ดอกไม้ที่นำมาใช้ต้องเป็นดอกไม้ไทยเท่านั้น การทำน้ำหอมสูตรพระราชทานได้นำเอาคอมพิวเตอร์มาช่วยในการจัดสัดส่วนของกลิ่นหอม สมเด็จพระเทพฯทรงกดคีย์ปรับสัดส่วนของดอกไม้แต่ละชนิดว่าทรงอยากให้กลิ่นดอกไม้ชนิดไหนหอมมาก หอมน้อย พระองค์ทรงใช้เวลาในการปรับโทนน้ำหอมแต่ละสูตรประมาณ ๑๕ ถึง ๒๐ นาที

ที่สำคัญน้ำหอมพระราชทานทั้ง ๒ สูตรนี้ มีเสน่ห์ที่แตกต่างกัน โดยน้ำหอม รุ่งฟ้า สสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ทรงปรุงออกโทนคลาสสิค เป็นกลิ่นดอกไม้หอม ทรงเน้นกลิ่นดอกจำปา ดอกกล้วยไม้ และดอกลีลาวดีเป็นกลิ่นนำ เหมาะกับวัยผู้ใหญ่ที่อายุ ๓๕ ปีขึ้นไป ส่วนน้ำหอม เทวมนตรา ทรงปรุงให้ออกโทนหวาน โดยใช้กลิ่นของดอกมะลิและดอกลีลาวดีเป็นกลิ่นนำ เหมาะกับสาวทำงานวัย ๒๕ ปี ที่ดูสดใส อ่อนหวาน

รองศาสตราจารย์ ด็อกเตอร์ สุชาดา ยังกล่าวอีกว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เคยตรัสว่า ทำไมคนไทยถึงนิยมใช้แต่น้ำหอมที่ทำจากต่างประเทศ ทำไมไม่มีใครทำน้ำหอมไทยให้คนไทยใช้บ้าง เงินทองจะได้ไม่รั่วไหลออกนอกประเทศ

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ทรงอยากให้คนไทยหันมาใช้ของไทย น้ำหอมเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เงินรั่วไหลออกไปต่างประเทศเยอะมาก พระองค์จึงมีพระประสงค์อยากให้น้ำหอมสูตรพระราชทานของพระองค์เป็นทางเลือกหนึ่งให้กับคนไทย

จากการที่ดิฉันได้คุยกับลูกค้าที่ซื้อ ส่วนใหญ่บอกว่า น้ำหอมทั้ง ๒ สูตรนี้หอมและติดทนทาน คนที่เป็นลูกค้ามักจะแวะเวียนมาซื้อเป็นประจำ บางคนก็ซื้อไปใช้เอง บางคนนิยมนำไปเป็นของขวัญ หรือของฝากให้กับผู้อื่น เพราะเห็นว่าเป็นน้ำหอมสูตรพระราชทานที่หอมและเป็นสิริมงคลด้วย

กลิ่นรุ้งฟ้า หอมอบอุ่น คล้ายกลิ่นมะลิ
กลิ่นเทวมนตรา หอมนุ่ม ละมุน คล้ายกลิ่นลีลาวดี
กลิ่นสิริธารา หอมหวาน มีเสน่ห์ คล้ายกลิ่นกุหลาบ