แม่วัย 17 ร้อง ปวีณา วอนช่วยค่าทำศพลูกสาววัย 1 ขวบ ถูกพ่อเลี้ยงโหดทำร้ายจนเสียชีวิต แฉพฤติกรรมเหี้ยมทั้งกัด-ใช้ไม้แขวนตีน่วม ยันเอาเรื่องถึงที่สุด
วันศุกร์ที่ 7 มิ.ย 62 เวลา 11.00 น น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 17 ปีแม่ของเด็กหญิงที่เสียชีวิต พร้อมญาติ ได้เดินทางเข้าพบ นางปวีณา หงสกุล มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ณ มูลนิธิปวีณาฯ เพื่อขอให้ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการนำศพลูกสาวมาชันสูตรที่สถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ เนื่องจากครอบครัวมีฐานะยากจน ไม่มีเงินจ่ายค่าทำศพและส่งศพกลับบ้าน
น.ส.เอ เล่าว่า ในวันเกิดเหตุ ตนกับ นายสิทธิโชค อายุ 22 ปี ที่พึ่งมาอยู่กินกันได้เพียง 1 เดือนเศษ โดยนายสิทธิโชคได้เสพยาเสพติด เกิดมีปากเสียงทะเลาะกัน จึงถูกทำร้ายร่างกายตน และลูกสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือน นายสิทธิโชค ได้กัดกลางหลัง กัดไหล่ กัดหู ใช้ไม้แขวนเสื้อตี และจับขาห้อยหัวเหวี่ยงลงกับพื้น จนลูกสาวแน่นิ่งไป
ตนจึงรีบอุ้มลูกสาววิ่งออกจากห้อง และนำตัวลูกสาวส่ง รพ.ท่าหลวง จ.ลพบุรี หมอระบุว่า ลูกสาวมีเลือดคลั่งในสมอง จึงนำส่งเพื่อเข้ารับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วนที่ รพ.พระนารายณ์ และได้เสียชีวิตในวันที่ 5 มิ.ย 62 จึงวอนขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ให้การช่วยเหลือ อีกทั้งขอให้ช่วยติดตามทางด้านคดี เพื่อดำเนินคดีพ่อเลี้ยงโหดให้ถึงที่สุด
ด้าน นางปวีณา กล่าวว่า ทางมูลนิธิฯได้ประสาน พ.ต.อ.ไกรวิทย์ อุณหก้องไตรภพ ผกก.สภ.ม่วงค่อม ซึ่งได้แจ้งกับตนว่า เมื่อรับแจ้งเหตุก็ได้นำตัวพ่อเลี้ยงมาตรวจสารเสพติดทันที โดยพบสารเสพติดในปัสสาวะ และจากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า นายสิทธิโชคยังได้หลบหนีทหารมาอีกด้วย โดยนายสิทธิโชค ยอมรับว่า ทำร้ายลูกสาวจริง
นางปวีณา กล่าวต่อว่า เบื้องต้นจึงนำตัวส่งดำเนินคดีศาลทหารในข้อหาเสพ และทำการส่งศพเด็กหญิงวัย 1 ขวบ 5 เดือน มาตรวจชันสูตรที่สถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ ทั้งนี้ ตำรวจจะนำตัวน.ส.เอมาสอบปากคำตามสหวิชาชีพ เพื่อแจ้งข้อหาพ่อเลี้ยงเพิ่มเติมในวันที่ 10 มิ.ย.นี้ อย่างไรก็ตาม สภ.ม่วงค่อม ได้ดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมตามขั้นตอนกฎหมายอย่างถูกต้องและได้รวบรวมพยานหลักฐานสำคัญไว้ทั้งหมดแล้ว เพียงพอที่จะเอาผิดนายสิทธิโชค ในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย และจะนำตัวน.ส.เอเข้าสอบตามสหวิชาชีพ เนื่องจากสภาพจิตใจน.ส.เอก้อยยังเสียใจและตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ มูลนิธิฯ ได้มอบเงินช่วยเหลือเป็นค่าใช้จ่าย 5,000 บาท พร้อมประสานกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดลพบุรีเพื่อให้การช่วยเหลือครอบครัวและเยียวยาสภาพจิตใจน.ส.เออย่างใกล้ชิด อีกทั้งจะประสานกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) เพื่อให้น.ส.เอเข้ายื่นขอรับเงินเยียวยาต่อไป