เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

จากกรณี  เพจเฟซบุ๊ก เครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ได้โพสต์เรื่องเตือนใจของหญิงสาวคนหนึ่ง หลังจากที่ไปคลอดลูกที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งหมอได้ตรวจร่างกายและแจ้งว่า เธอและลูกติดเชื้อเอชไอวี ทำให้ถูกสังคมรังเกียจ และบีบคั้นจนเครียดหนัก ถึงขั้นคิดฆ่าตัวตาย แต่หลังจากนั้น 5 ปี เธอย้ายมาอยู่ที่จังหวัดพิษณุโลก และไปคลอดลูกที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก โดยหมอแจ้งว่า เธอไม่ได้ติดเชื้อเอชไอวีแต่อย่างใด เธอจึงเข้าร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอทุ่งสง และได้ร้องทุกข์มายังเพจเครือข่ายรณรงค์ฯ เพื่อให้ช่วยเหลือนั้น

 HIV

ล่าสุด เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2562 เรื่องเล่าเช้านี้ รายงานว่า หญิงผู้เสียหาย อายุ 31 ปี เปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนมีลูก 3 คน ประกอบอาชีพกรีดยางอยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อปี 2557 จากนั้นตนท้องลูกคนที่ 4 และได้ไปทำคลอดที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดนครศรีธรรมราช หมอแจ้งว่าตนติดเชื้อเอชไอวี และให้ยาต้านตนกับลูกกิน หลังทราบเรื่องตนถึงกับสติแตก ประกอบกับขณะนั้นสามีติดคุก ทำให้ตนเครียดหนักถึงขั้นเคยคิดฆ่าตัวตาย ต่อมาปี 2558 สามีออกจากคุก และตนเกิดพลาดท้องลูกคนที่ 5 และไปทำคลอดกับโรงพยาบาลดังกล่าวอีกครั้ง จากนั้นตนได้เลิกรากับสามี และมีสามีใหม่ จนตั้งท้องลูกคนที่ 6 ที่ผ่านมาทั้งสามีเก่าและสามีใหม่ ทราบดีว่าตนติดเชื้อเอชไอวี แต่ไม่ได้ไปตรวจร่างกาย

 HIV
          และหลังจากนั้น ตนก็ทนกับการที่ถูกคนรอบข้างมีพฤติกรรมรังเกียจไม่ไหว จึงตัดสินใจย้ายมาอยู่ที่จังหวัดพิษณุโลก และได้ไปทำคลอดที่โรงพยาบาลชาติตระการ ในจังหวัดพิษณุโลก โดยโรงพยาบาลชาติตระการได้ทำการตรวจร่างกายตนหลายครั้ง และแจ้งว่าตนไม่ได้ติดเชื้อเอชไอวีแต่อย่างใด ตนรู้สึกราวกับฝันไป และสงสัยเป็นอย่างมาก ว่าเหตุใดโรงพยาบาลที่นครศรีธรรมราช จึงบอกว่าตนติดเชื้อ ตนจึงเดินทางเข้าร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอทุ่งสง

ซึ่งในเวลาต่อมาศูนย์ดำรงธรรมก็ได้แจ้งเรื่องให้ทางโรงพยาบาลคู่กรณีทำการตรวจอีกครั้ง และหลังจากตรวจหาเชื้อ 3 ครั้ง โรงพยาบาลดังกล่าวยังยืนยันว่าตนติดเชื้อ จึงได้ส่งเลือดของตนไปตรวจอีกโรงพยาบาล ซึ่งผลปรากฏว่าตนไม่ได้ติดเชื้อเอชไอวีแต่อย่างใด ทางโรงพยาบาลคู่กรณีจึงชี้แจงกับตนว่า ความผิดพลาดดังกล่าวเป็นความผิดพลาดของเครื่องตรวจ ไม่ใช่ความผิดพลาดจากหมอ และจะช่วยเหลือเยียวยาเป็นเงิน 50,000 บาท ซึ่งตนรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงร้องทุกข์มายังเพจเครือข่ายรณรงค์ฯ เพื่อขอความช่วยเหลือ

อย่างไรก็ตาม ตนอยากฝากถึงโรงพยาบาลคู่กรณีว่า ตนไม่ได้ต้องการทำให้โรงพยาบาลที่บ้านเกิดได้รับความเสียหาย เพียงแค่อยากขอความเป็นธรรม และเรียกร้องค่าเสียหายให้เหมาะสมกับความทุกข์ทรมานที่ครอบครัวตนได้รับมาตลอด 5 ปี ซึ่งในวันนี้ (3 กรกฎาคม 2562) ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ พร้อมผู้เสียหาย จะเดินทางเข้าร้องเรียนต่อสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี เพื่อขอความเป็นธรรมต่อไป

 HIV

 HIV

 HIV
ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเล่าเช้านี้