เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

จากกรณีตำรวจ สภ.ปักธงชัย .นครราชสีมา คุมตัว ฟลุ๊คจูมแก้ว อายุ 20 ปี นักศึกษาหนุ่ม วิทยาเทคนิคแห่งหนึ่งใน.นครราชสีมา และเป็นลูกนายตำรวจนายหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่ก่อเหตุยิงนายโมโรด อายุ 30 ปี สัญชาติกัมพูชาพนักงานปั๊มแก๊สแอลพีจีจนเสียชีวิตภายในปั้มแก๊ส สี่แยกลำพระเพลิง .นกออก .ปักธงชัย ก่อนจะชิงเงินไป 3,000 บาท  โดยจับกุมได้ที่บ้านพัก พร้อมรถจยย.ขาวแดง และปืนขนาด9 มม. มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่28 .. พนักงานปั๊มน้ำมันที่เป็นเพื่อนร่วมงานของผู้ตายให้การว่า นายโมโรดทำงานมา 5 ปีเป็นคนอัธยาศรัยดีมาก เป็นคนขยันขันแข็ง ไม่เคยอิดออดเรื่องการทำงาน จนเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงาน กลางคืนเป็นเด็กปั๊ม ตอนกลางวันก็ทำโอทีด้วยการขี่รถส่งแก๊ส ทำให้ช่วงที่โดนลอบยิง เจ้าตัวเกิดอาการอ่อนเพลียมาก และเผลอวูบหลับไป ที่สำคัญภรรยาชาวกัมพูชา เพิ่งให้กำเนิดลูกได้ 7 เดือน ผู้ตายจะส่งเงินให้ทุกเดือนไม่ขาด ช่วงเดือน ..ที่จะถึงนี้ ผู้ตายได้แจ้งขอลาหยุดเป็นเวลา 7 วัน เพื่อเดินทางกลับไปเยี่ยมลูกเมียที่กัมพูชา ใจคอผู้ต้องหาทำด้วยอะไร และผู้ตายทำผิดอะไรถึงต้องมาเสียชีวิตแบบนี้ ไม่คิดว่าจะถูกฆ่าแบบไม่รู้ตัว ทั้งๆ ที่เพิ่งพูดคุยทักทายกันอยู่เลย

โดยก่อนหน้านี้ นายฟลุ๊คผู้ต้องหายังยืนยันในคำรับสารภาพตามเดิมว่า บิดาไม่เกี่ยวและไม่รู้เรื่องแน่นอน ก่อนเกิดเหตุถูกเพื่อนทวงหนี้ค่าแทงพนันบอล 4,000 บาท ถูกทวงหลายครั้งจนน่ารำคาญ แต่ตอนนั้นไม่มีจ่ายจริงๆ ด้วยความหน้ามืดจึงขโมยปืนของบิดาที่วางอยู่ตรงหัวเตียงนอน ไปตระเวณหาเหยื่อกระทั่งพอผ่านไปแถวปั๊มน้ำมันและเห็นผู้ตายนั่งฟุบหน้าหลับอยู่ที่บริเวณหัวจ่ายน้ำมันจึงขี่เข้าไปหาใกล้ๆ ก่อนจะดับเครื่อง เพื่อไม่ให้เสียงดังจากนั้นก็ครุ่นคิดชั่งใจอยู่นาน ว่าจะทำดีหรือไม่ สักพักเมื่อเลือกแล้วคือเลือกที่จะก่อเหตุก็ชักปืนขึ้นมาจ่อยิงศีรษะ 1 นัด ร่างผู้ตายกระตุกแรงๆ แล้วสิ้นใจทันทีก่อนจะตรงเข้าไปรื้อค้นหาทรัพย์สินในตัว และเจอเงิน 3,000 บาท จึงรีบกลับบ้านเอาปืนไปวางไว้ที่หัวเตียงเหมือนเดิม

ขณะเดียวหลังทำแผนเสร็จผู้ต้องหาได้จุดธูป เพื่อขอขมาผู้เสียชีวิตด้วย ก่อนจะขออโหสิกรรมว่า ที่ทำลงไปนั้นเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบคิดอะไรไม่ออก และมีความจำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ เบื้องต้น ตำรวจควบคุมตัวดำเนินคดีในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาชิงทรัพย์ พกพาอาวุธไปในที่สาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร