พ่อ-แม่ จูง “ลูกสาววัย 14” เข้าร้องกองปราบหนีไปทำงานก่อสร้าง ถูกผู้รับเหมาคนงานก่อสร้างหาดใหญ่รุมข่มขืนนานร่วม 6 เดือน ก่อนหนีมาอยู่กับญาติที่แคมป์คนงานย่านประเวศ ก็โดนผู้รับเหมาไปขยี้กามต่อ แถมแจ้งความแล้วคดีไม่คืบ
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 13 ส.ค. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ได้พานายน้อย (นามสมมติ) อายุ 43 ปี น.ส.หนิง (นามสมมติ) อายุ 44 ปี สองสามีภรรยา พร้อมด้วย ด.ญ. นุช (นามสมมติ) อายุ 14 ปี บุตรสาว เข้าพบ พ.ต.ท. ธราดล เหมพัฒน์ รอง ผกก. สอบสวน กก.6 บก.ป เพื่อร้องขอความเป็นธรรมให้ช่วยเร่งรัดติดตามคดี ที่ ด.ญ.นุช บุตรสาว ถูกข่มขืนกระทำชำเรา โดยผู้รับเหมาก่อสร้างจำนวน 5 ราย เนื่องจากคดียังไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร
นายน้อย กล่าวว่า เมื่อเดือน พ.ย. ปี 2561 ที่ผ่านมา ได้มี น.ส.ใหม่ ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งรู้จักมักคุ้นกับคนในครอบครัวของตน โทรศัพท์มาหาลูกสาว ชักชวนให้หนีออกจากบ้านที่ อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ มาทำงานก่อสร้างด้วยกันที่แคมป์งานก่อสร้างในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา แต่ในช่วงที่ลูกทำงานอยู่ที่แคมป์ ได้ถูกผู้รับเหมาและคนงานก่อสร้างรวม 4 คน ข่มขืนกระทำชำเราหลายครั้งนานร่วม 6 เดือน ซึ่งระหว่างนั้น ด.ญ.หม่อน พยายามติดต่อมาหา น.ส.นุ่น (นามสมมติ) อายุ 23 ปี มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ทำงานก่อสร้างอยู่ที่แคมป์ก่อสร้างในพื้นที่ย่านประเวศ กทม. เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ด้วยความที่ น.ส.นุ่น เกรงว่าหากให้การช่วยเหลือแล้วกลัวจะทำให้ตนเองได้รับอันตราย จึงได้ตอบปฏิเสธและไม่ยอมบอกกล่าวเรื่องราวให้กับใครฟัง
นายน้อย กล่าวต่อว่า กระทั่งเมื่อ ก.ค.ที่ผ่านมา ลูกสาว ทนไม่ไหว จึงหลบหนีมาอยู่กับ น.ส.นุ่น ที่แคมป์คนงาน ย่านประเวศ แต่ยังมาถูกผู้รับเหมาชื่อนายตั้ม อยู่ที่แคมป์ก่อสร้างดังกล่าวล่อลวงไปกระทำชำเราที่อพาร์ตเมนต์ละแวกใกล้เคียงอีก รวมทั้งทำร้ายร่างกาย ข่มขู่ไม่ให้มีการแจ้งความกับตำรวจ อ้างเป็นทนายความ มีความรู้ด้านกฎหมาย กระทั่ง น.ส.นุ่น ทนเห็นน้องสาวถูกกระทำไม่ไหว จึงโทรศัพท์มาบอกตน จากนั้นจึงรีบไปรับตัวลูกสาวออกมาจากแคมป์เมื่อวันที่ 31 ก.ค. ก่อนพาไปตรวจร่างกาย พร้อมเข้าแจ้งความที่ สภ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ และสน.ประเวศ แต่คดีไม่คืบหน้า จึงตัดสินใจมาร้องทุกข์กับกองปราบปรามให้ช่วยเร่งรัดคดีและให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวของตน
สำหรับผลการตรวจร่างกายนั้น เบื้องต้น แพทย์ระบุว่าพบร่องรอยการถูกกระทำชำเราจริง อีกทั้งนับจากเกิดเรื่องบุตรสาวตนเองก็มีอาการซึมเศร้าตลอดเวลา และหวาดกลัวผู้คน หลังจากนี้จะประสานขอความช่วยเหลือจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อขอความเป็นธรรมอีกทาง
เบื้องต้น พ.ต.ท. ธราดล ได้สอบปากคำผู้ร้องทุกข์ไว้เพื่อนำไปพิจารณาควบคู่กับพยานหลักฐานที่ผู้ร้องนำมามอบ ส่งให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป