เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

หนุ่มเจ้าของเฟซบุ๊ก Thanatat Tawron ได้มีการโพสต์เล่าเรื่องราวความรักที่ยิ่งใหญ่ของภรรยา ผู้เป็นแม่ของลูกที่ยอมเสียสละชีวิตตัวเอง เพื่อรักษาชีวิตของลูกสาวที่กำลังจะเกิดมา โดยเขาเล่าว่า ได้พบรักกับภรรยาตั้งแต่ชั้น ม.3 และเริ่มคบหากันตั้งแต่นั้นมา จนเรียนจบปริญญา และได้แต่งงานกัน ทว่า ก่อนแต่งงานภรรยากลับพบว่ามีก้อนเนื้อที่หน้าอก ตอนแรกหมอตรวจบอกว่าเป็นแค่ก้อนซีสต์ธรรมดา แต่พอนานวันก้อนกลับเริ่มใหญ่ขึ้น และแตกช้ำเป็นจ้ำสีม่วง จึงตัดสินใจเข้าตรวจอีกครั้งกับโรงพยาบาลอีกแห่ง จึงทำให้รู้ว่าภรรยาเป็นมะเร็งในกระแสเลือดชนิดร้ายแรง พบหนึ่งในล้าน

การผ่าตัดครั้งแรก ปี 2559 ผ่านไปด้วยดี เขาและเธอดูแลกันอย่างดี จนต้นปี 2560 ต้องผ่าครั้งที่ 2 ครั้งนี้ต้องตัดเต้านมทิ้ง มาปลายปี 60 หลังผ่าครั้งที่ 3 หมอตรวจร่างกายพบว่า “ได้ยินเสียงเต้นของหัวใจเด็ก” ทำให้ทั้งคู่รู้ตัวว่ากำลังจะมีลูกด้วยกัน ซึ่งอายุครรภ์ 2 เดือน แต่หมอถามว่าจะเก็บลูกไว้ หรือจะรักษาต่อ เพราะถ้ายังเก็บเด็กไว้จะไม่สามารถให้ยารักษามะเร็งได้ แต่ภรรยาเลือกที่จะเก็บลูกไว้ จนปี 61 ต้องผ่าตัดมะเร็งอีกครั้ง การผ่าตัดเป็นไปด้วยดี ภรรยาและลูกในครรภ์ 7 เดือน ปลอดภัย

 

 

ทั้งนี้ ถึงกำหนดคลอด กลับพบว่ามะเร็งโผล่มาอีกครั้ง ครั้งนี้ยังไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะต้องคลอดลูกแล้ว จนคลอดลูกสำเร็จ แต่ลูกตัวเหลืองและหายใจเร็ว หัวใจมีรอยรั่วและท่อที่ต่อผ่านหัวใจก็ปิดเองไม่ได้ ต้องทำการผ่าตัด ซึ่งภรรยาได้กลับมาพักฟื้นที่บ้าน แต่ก็เหมือนไม่ได้พักฟื้น เพราะเทียวไปเยี่ยมลูกทุกวัน แม้ตอนที่ตัวเองต้องรักษามะเร็งด้วยการฉายแสงอีกครั้ง ฉายแสงเสร็จก็ไปเยี่ยมลูก จนลูกแข็งแรงและสามารถกลับมาอยู่บ้านได้

เรา 3 คน อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข จนถึงเวลาต้องรักษามะเร็งอย่างเต็มรูปแบบด้วยการฉายแสงและให้คีโม มาหาหมอตามนัดตลอดและต่อด้วยการให้คีโม ซึ่งเป็นยาเคมีที่แรงและทำลายเซลล์ทุกอย่างในร่างกาย ภรรยาใช้เวลารักษาและอยู่ดูแลลูกสาวตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ลาคลอด หลังจากนั้นก็กลับไปทำงานตามปกติ แต่ก็ต้องลาไปหาหมอตามที่นัดทุกอาทิตย์ ทุกครั้งที่พบหมอ หมอจะบอกกับภรรยาผมตลอดว่าก้อนมะเร็งที่ตับมันได้โตขึ้นเรื่อย ๆ นะ อาจจะทำให้ท้องโตขึ้นตามด้วย จากนั้นก็รักษาคีโมมาเรื่อยจนก้อนที่ตับปริแตกทำให้เลือดออกและต้องเข้าโรงพยาบาลอีกครั้ง หมอทำการยิงรังสีเพื่ออุดรอยแตกไว้ จนอาการดีขึ้นและได้กลับบ้าน หลังจากนั้นต้องเปลี่ยนการรักษาจากให้คีโมเปลี่ยนมาให้เลือดแทน เพราะจะทำให้ทรุด

หมอบอกว่าตามจริงภรรยาจะอยู่ได้แค่หลักเดือนเท่านั้น แต่เพราะมีลูกเป็นกำลังใจ จนอยู่เลี้ยงมาได้ถึงลูกอายุ 1 ขวบ 5 เดือน และแล้วเรื่องที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นก็มาถึง วันที่ 14 พฤศจิกายน 2562 ภรรยาอาการทรุดหนัก ตอบสนองได้แค่พูดคำว่า อือ วันนั้นศิลปินวง Klear มาเยี่ยม เพราะเป็นวงที่ภรรยาชื่นชอบ ก่อนที่ภรรยาจะจากไปในช่วงเย็นวันดังกล่าว

 

 

“เราอยู่ในห้องนั้นทั้งวันจนเวลา 18.44 น. ช่วงเวลาแห่งการสูญเสียก็มาถึง ผมนั่งอยู่ข้างเตียงจับมือเค้าไว้แน่นมาก ผมนั่งดูชีพจรของภรรยาผมค่อย ๆ เต้นช้าลงช้าลงจนหยุดหายใจ เสียงคนร้องไห้ดังระงมทั่วห้อง วินาทีนั้นความเสียใจของผมพุ่งออกมากลายเป็นน้ำตา ผมลุกออกมาจากห้องนั้น ผมนั่งร้องไห้ตรงทางเข้าห้อง ผมปล่อยทุกอยากออกมาทางน้ำตา ในหัวตอนนั้นผมคิดแต่ว่าทำไมเรื่องแบบนี้ต้องมาเกิดกับคนที่ผมรักด้วย ครอบครัวผมกำลังสร้างทุกอย่าง เรากำลังเดินทางไปด้วยกัน ผมใช้เวลาอยู่ตรงนั้นประมาน 10 นาที ผมเริ่มตั้งสติ การที่เค้าจากไปแบบไม่เจ็บไม่ทรมานมันคงดีแล้ว เค้าเหนื่อยมาทั้งชีวิตแล้ว เหนื่อยมาตลอด 4 ปีที่รักษา ถึงเวลาที่เค้าจะต้องพักแล้ว ผมให้คำมั่นสัญญากับเค้าไว้ว่าจะดูแลสิ่งที่เค้ารักมากที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้”

Cr. Kapook