พ.ต.อ.ปรีชากล่าวว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่นรับแจ้งพบศพคนถูกฆ่าตายในป่าละเมาะใต้ต้นไม้ใหญ่ บนที่ดินร้าง ใกล้ซอยศรีมารัตน์ 22ชุมชนสามเหลี่ยม เมื่อมาตรวจที่เกิดเหตุก็ไม่พบหลักฐานสำคัญว่าผู้ตายเป็นใคร อยู่ที่ใด

แต่ชาวบ้านในชุมชนสามเหลี่ยม ต่างก็ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า คนตายเป็นหญิงเร่ร่อน เก็บของเก่าขาย และมักมาดื่มสุรากับเพื่อนชายหญิง ซึ่งเป็นคนเร่ร่อนด้วยกันในป่าละเมาะดังกล่าวบ่อยครั้ง

โดยก่อนจะพบศพคนตายนั้นชาวบ้านพบว่าคนตายดื่มสุรากับเพื่อนชาย แต่หลังกลายเป็นศพเพื่อนชายหายตัวไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงกระจายกำลังกันออกตามหาชายเร่ร่อนรายดังกล่าว

กระทั่งพบว่าเมาสุราฟุบอยู่ในป่าข้างทางใกล้กับจุดที่พบศพ ซึ่งชาวบ้านยืนยันว่า เป็นชายที่นั่งดื่มสุรากับหญิงเร่ร่อนก่อนจะกลายเป็นศพ จึงควบคุมตัวไว้ และนำตัวไปสอบสวน

จากการสอบสวน นายอุทิศให้การว่า ผู้ตายชื่อ น.ส.ดาว เป็นชาวลาว เดินทางมาจากเวียงจันทน์ โดยมาอยู่กับแฟนที่เป็นคนมีสี แต่เลิกกับคนมีสีมากว่า 10 ปีแล้ว กลายเป็นคนเร่ร่อน จนมาเจอและคบหากันเป็นแฟน จึงเรียกแฟนสาวว่า ดาว เวียงจันทน์

โดยอาศัยอยู่ด้วยกันตามป่าละเมาะและสวนสาธารณะในตัวเมืองขอนแก่น และช่วยกันเก็บของเก่าขาย กระทั่งจังหวัดขอนแก่นประกาศปิดสวนสาธารณะ จึงชวนกันมาอยู่ในที่ดินร้างภายในชุมชนสามเหลี่ยม

นายอุทิศให้การอีกว่า ต่อมาได้มารู้จักกับ น.ส.เก่ง อายุประมาณ 30 ปี ทำให้ผู้ตายเกิดการหึงหวง มีปากเสียง ทะเลาะตบตีกันบ่อยครั้ง โดยก่อนเกิดเหตุไปซื้อสุรา ที่ร้านค้าในชุมชนสามเหลี่ยมมานั่งดื่มกัน 3 คน เพื่อเคลียร์ปัญหากัน

โดยที่ น.ส.เก่งก็มาดื่มด้วย ผู้ตายเกิดเข้าใจผิดคิดว่ามีใจและนัดให้กับ น.ส.เก่ง มาหา จึงมีเรื่องทะเลาะตบตีกันอีก คราวนี้ผู้ตายด่าถึงบุพการี เจ้าตัวโมโหจึงใช้กำปั้นชกที่ใบหน้า และศอกกระทุ้งที่หน้าอก ก่อนใช้เท้ากระทืบชายโครงหลายครั้งจนเสียชีวิต

ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวว่า เมื่อผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ จึงนำตัวมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ นอกจากนี้ยังจะขยายผลจับกุมร้านค้าที่ฝ่าฝืนคำสั่งประกาศของคณะกรรมการควบคุมโรคจังหวัดขอนแก่นที่ออกประกาศห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนหาร้านค้าดังกล่าว

หากพบว่าร้านใดขายสุราให้กับกลุ่มผู้ต้องหา ก็จะถูกจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งมีทั้งโทษปรับและจำคุก.