เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ผู้เสียหายถูก ร.ต.อ.ฉาว สน.บุคคโล ข่มขืน ถ่ายรูปแบล็กเมล์ ร้องเรียน ผบ.ตร. แฉผู้กองถูกแจ้ง 4 ข้อหาหนักยังขู่ไม่เลิก เบ่งว่าร้องอย่างไรก็ไม่มีผล เพราะการแต่งตั้งในครั้งนี้ ได้ขึ้น สารวัตร แน่นอน

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 17 ก.ค.2563 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ผศ.ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ นำ น.ส เอ (นามสมมติ) อายุ 45 ปี เข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เพื่อให้ดำเนินการสอบวินัยกับ นายตำรวจยศ ร.ต.อ.นายหนึ่ง สังกัด สน.บุคคโล กรณีส่งข้อความข่มขู่ทางไลน์ทำให้ได้รับความอับอาย โดยมี พ.ต.ท.หญิงธนัชชา ธนาดลพิพัฒน์ รอง ผกก.ฝ่ายรับเรื่องราวร้องทุกข์ บก.อก.สำนึกงานจเรตำรวจ เป็นผู้รับเรื่อง

น.ส.เอ กล่าวว่า ตนรู้จักกับนายตำรวจคนนี้ที่ สน.บุคคโล เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.2562 โดย ร.ต.อ.คนดังกล่าว แจ้งว่าสามารถช่วยเหลือเรื่องคดีได้ แต่ให้นำเงินมาให้ 1,000 บาท เพื่อให้เจ้าหน้าที่ศาล จากนั้นได้ติดต่อกันจนสนิทสนม กระทั่งปลายปี 2562 ร.ต.อ.คนดังกล่าวได้พยายามขอมาที่บ้านและดื่มกินเหล้าที่ห้องรับแขก หลังดื่มเหล้า นายตำรวจคนดังกล่าวอ้างว่าไม่สามารถกลับบ้านได้ ขอนอนที่โซฟารับแขก พร้อมขอให้ปิดไฟ ขณะปิดไฟตำรวจได้คว้าตัวมากระทำชำเรา

ต่อมาได้พยายามข่มขู่ให้มาพบที่โรงแรม อีกทั้งยังเอารูปภาพอนาจารส่งให้บุคคลที่ผู้เสียหายรู้จักในข้อความเฟซบุ๊ก ทำให้อับอายและเสียหายอย่างมาก จนตนได้เข้าแจ้งความและเป็นข่าว เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง ได้แจ้งข้อกล่าวหากับ ร.ต.อ.คนดังกล่าวจำนวน 4 ข้อหา คือ ในความผิดฐานหมิ่นประมาท ตามมาตรา 326 โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ความผิดตาม มาตรา 16 พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท

ข้อหารีดเอาทรัพย์ มาตรา 338 โทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และ ข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา มาตรา 276 ต้องระวางโทษ จำคุกตั้งแต่ 4-20 ปี และปรับตั้งแต่ 80,000-400,000 บาท แล้ว ขณะที่ทาง สน.คลองตัน ซึ่งเป็นที่เกิดเหตุ ได้แจ้งในคดีข่มขืนกระทำชำเรา

“ที่ผ่านมา ร.ต.อ.คนดังกล่าว ได้ข่มขู่มาตลอดและยังบอกว่า ร้องอย่างไรก็ไม่มีผล เพราะการแต่งตั้งในครั้งนี้ อย่างไรก็ได้ขึ้น สารวัตร แน่นอน ตนจึงต้องยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมให้ ผบ.ตร.ดำเนินการตั้งคณะการสอบสวนด้านวินัยอีกทาง ในฐานะที่เป็นข้าราชการตำรวจและมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม”