เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

แกนนำม็อบราษฎร ยอมรับเกิดความผิดพลาดในการชุมนุม จนนำไปสู่เหตุความรุนแรง ย้ำ เป็นบทเรียนที่ต้องเร่งหารือกันเพื่อแก้ไข

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 14 ก.พ. 2564 ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว กลุ่มราษฎรมูเตลู แนวร่วมม็อบราษฎร นำโดย นายพรหมศร วีระธรรมจารี, นายณวรรษ เลี้ยงวัฒนา 2 แกนนำกลุ่มราษฎร พร้อมด้วย น.ส.กันตา รัตนวงศ์ และนายสหรัฐ จันทสุวรรณ 2 นศ. ม.ศิลปากร จัดกิจกรรม “รฤกคุณคนดีมีค่าแห่งประชาธิปไตย ครั้งที่ 2” โดยก่อนหน้านี้ทางกลุ่มประกาศจะไปห่มผ้าแดงกลางนครที่บรมบรรพต หรือ ภูเขาทอง แต่ภายหลังทางวัดสระเกศ ออกประกาศปิดวัดด่วนเพื่อทำความสะอาดตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ทางกลุ่มจึงจัดกิจกรรมที่อนุสรณ์สถานแทน โดยมีแนวร่วมเสื้อแดงและการ์ดม็อบราษฎรเข้าร่วม สำหรับกิจกรรมประกอบด้วยพิธีสงฆ์อุทิศส่วนกุศลให้ผู้สูญเสียในเหตุการณ์ 14 ตุลา และ 6 ตุลา จากนั้นมีการเชิญ นายสุเทพ สุริยะมงคล ผู้อยู่ในเหตุการณ์ 14 ตุลา มากล่าวเล่าถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น

นายพรหมศร ระบุว่า ทางกลุ่มจัดกิจกรรมนี้ในวันที่ 14 ก.พ. ซึ่งเป็นวันวาเลนไทน์ หรือวันแห่งความรัก เพื่อต้องการสื่อไปถึงเรื่องความรักในระบอบประชาธิปไตยของประชาชนคนไทย ส่วนกรณีที่ได้ประกาศว่าจะนำผ้าแดงไปห่มที่องค์ภูเขาทองนั้น ยืนยันว่ามีเจตนาที่ต้องการไปทำบุญ ส่วนกรณีที่เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้นเมื่อคืนวันที่ 13 ก.พ. ตนอยู่ในเหตุการณ์เฉพาะในช่วงท้าย แต่จากข้อมูลที่ได้รับทราบมา สิ่งที่ตนรับไม่ได้และขอประณามคือการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายมวลชนที่ทำหน้าที่เป็นทีมแพทย์อาสาดังที่เห็นในคลิปหลักฐานและภาพที่ปรากฏ พร้อมมองว่าผิดหลักมนุษยธรรมในมาตรฐานสากล หน่วยงานแพทย์หรือสื่อมวลชนควรได้รับความปลอดภัยในสถานการณ์แบบนี้
การประกาศชุมนุมอีกครั้งใน 7 วันข้างหน้า จะเกิดสถานการณ์รุนแรงเช่นนี้หรือไม่ นายพรหมศร ระบุว่า ตนเคารพในมติของที่ประชุมราษฎร แต่ต้องยอมรับว่าเหตุที่เกิดเป็นเพราะ ม.112 ซึ่งตนก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ถูกดำเนินคดีในข้อหานี้ มองว่าผู้ที่เห็นต่างกับรัฐบาลในยุคนี้จะถูกตั้งข้อหา ม.112 เมื่อถามว่าหากยังไม่มีการปล่อยตัว 4 แกนนำ จะนำไปสู่ความรุนแรงมากกว่านี้หรือไม่ นายพรหมศร ตอบว่า ความไม่ชอบธรรมใดๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศจะมีมวลชนออกมาต่อต้าน ถือเป็นปฏิกิริยาทางอารมณ์ที่ทุกคนเป็นเดือดเป็นร้อน เหมือนมีใครมาทำคนในครอบครัวเราก็ต้องร่วมกันออกมาปกป้อง ตราบใดที่รัฐยังทำแบบนี้ อารมณ์ของประชาชนก็จะทวีความรุนแรงขึ้นและต้องออกมาต่อต้านอย่างแน่นอน ส่วนตัวนั้น หากสุดท้ายศาลไม่ให้ประกันตัวในคดีนี้เหมือนคนอื่นก็รู้สึกว่าไม่กังวล เพราะถือว่าไม่ได้รับความยุติธรรม พร้อมรับสภาพเฉพาะในด้านจิตใจ แต่ไม่พร้อมในด้านร่างกาย เนื่องจากไม่อยากเปลี่ยนผมใหม่