จากกรณีมีคลิปวิดีโอที่ถูกโพสโดยผู้ใช้ชื่อเฟซบุ๊ค aig-q krittsuansombut และถูกแชร์ในโลกโซเชียลอยู่ขณะนี้ถึงพฤติกรรมคนขับรถกระบะวีโก้ สีดำ ทะเบียน กฉ7222 ปทุมธานี ที่ขับเบียดรถจักรยานยนต์ของ 2 พ่อลูกที่ขับมาบริเวณหน้าโรงพยาบาลเกษมราษฏร์ ถ.ประชาชื่น โดยรถกระบะคันดังกล่าว ขับสวนเลนพิเศษขึ้นมาก่อนจะปาดเข้าซ้ายอย่างกระทัน จนทำให้รถจักรยานยนต์ของสองพ่อลูกล้มลง ก่อนจะขับผ่าไฟแดงหนีไป ส่วน 2 พ่อลูกได้ล้มลงได้รับบาดเจ็บ ก่อนจะมีพลเมืองดีลงไปให้ความช่วยเหลือและขับรถจักรยานยนต์ไล่ตามคนขับรถกระบะวีโก้สีดำจนเจอตัวในที่สุด ก่อนจะแจ้งให้ไปมอบตัว
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 24 มกราคมที่สน.ประชาชื่น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คนขับรถกระบะวีโก้ สีดำ ทะเบียน กฉ7222 ปทุมธานี ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.สามารถ พรหมชาติ ผกก.สน.ประชาชื่น เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ขณะที่นายไพรัช นาวีเรืองรัตน์ อายุ 48 ปี คนขับขี่รถจักรยานยนต์ถูกรถกระบะคันดังกล่าวเฉี่ยวล้มพร้อม ทั้งด.ช.พรเทพ นาวีเรืองรัตน์ อายุ 5 ขวบ ก็ได้เดินทางเข้าแจ้งความพร้อมนำพยานหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอจากกล้องติดหน้ารถยนต์มอบให้กับพนักงานสอบสวน
นายไพรัช เปิดเผยว่า ส่วนตัวแล้วตนไม่ถือโทษโกรธเคืองคนขับรถกระบะ แต่อยากให้ได้รับโทษทางกฎหมายอย่างถึงที่สุด เพราะตอนที่ตนและลูกล้มลงเห็นล้อหลังรถกระบะขับผ่านหน้าไปในระยะกระชั้นชิด หากเกิดเหตุไม่คาดคิดกับลูกชายขึ้น คงทำใจไม่ได้ ส่วนน้องเอ็มลูกชายนั้นได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย จากการที่ตนได้สอบถามน้องเอ็มพอจำได้ว่า เกิดเหตุรถชน เจ็บเล็กน้อยแต่ก็ไม่รู้สึกกลัวแต่อย่างใด
นายไพรัช เปิดเผยต่อว่า ส่วนรูปคดีจากที่ตนได้คุยกับพนักงานสอบสวน ทางคู่กรณีได้อ้างกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าหลังจากที่ขับรถเฉี่ยวตนแล้วได้ขับรถฝ่าสัญญานไฟแดง ก่อนที่จะวนรถกลับมาที่จุดเกิดเหตุแล้วก็มาที่โรงพยาบาลเพื่อสอบถามอาการตน ซึ่งตนก็ยังไม่เชื่อในสิ่งที่คู่กรณีพูด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ตนและลูกชาย ไปตรวจร่างกายเพิ่มเติมที่โรงพยาาล เพื่อเป็นหลักฐานประกอบสำนวนคดี ซึ่งตนก็อยากให้คดีของตนเป็นคดีตัวอย่าง ว่าสำหรับใครที่ขับรถยนต์ หรือขับรถใหญ่ อยากให้มีน้ำใจให้กับรถมอเตอร์ไซด์บ้าง ถ้ามีการเฉี่ยวชนกัน ก็ไม่ควรจะขับหนี ต้องลงมาช่วยเหลือ
ด้าน พ.ต.อ.คมศักดิ์ สุมังเกษตร รอง ผบก.น.2 เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุได้ทำการสอบสวนผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงส่งตัวผู้ได้รับบาดเจ็บไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลซึ่งก็ได้ผลตรวจเรียบร้อยแล้ว คดีนี้เจ้าหน้าที่ได้ใช้ความรอบคอบในการสอบสวนตามขั้นตอนทุกอย่าง อย่างไรก็ตามในวันนี้ยังไม่สามารถส่งฟ้องผู้ต้องหาได้ทัน
พ.ต.อ.สามารถ พรหมชาติ กล่าวว่า เบื้องต้นในวันนี้ยังไม่สามารถส่งฟ้องผู้ต้องหาได้ เนื่องจากติดขัดในเรื่องทางข้อกฎหมายในคดีที่มีอัตราโทษอยู่ในอำนาจของศาลแขวง ซึ่งเราได้แจ้งข้อหาคนขับรถกระบะทั้งหมด 6 ข้อหา 1.ขับรถโดยประมาทเฉี่ยวชนผู้อื่นทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย ได้รับอันตรายแก่กาย โดยไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือหรือแจ้งเหตุต่อเจ้าพนักงาน 2.ขับรถฝ่าฝืนเส้นทางการเดินรถ 3.ขับรถฝ่าฝืนสัญญานไฟจราจร 4.ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น 5.ขับรถโดยประมาทน่าหวาดเสียว 6.ไม่พกใบอนุญาตขับขี่ในขณะขับรถ ซึ่งผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธในข้อหาขับรถชนแล้วหลบหนี เมื่อให้การปฏิเสธเราก็ไม่สามารถส่งฟ้องทางวาจาได้ เราต้องทำเป็นรูปสำนวนการสอบสวน อย่างไรก็ตามจากพยานหลักฐานซึ่งเป็นภาพจากคลิปวิดีโอก็เพียงพอที่เราจะกล่าวหา
จากนี้จะทำการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมก่อนทำการสรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการพิจารณาต่อไปคาดว่าจะแล้วเสร็จในสัปดาห์หน้า โดยหลังจากทำการสอบสวนเสร็จก็จะทำการปล่อยตัวผู้ต้องหาชั่วคราว เนื่องจากตัวผู้ต้องหาเดินทางมาพบพนักงานสอบสวน ทางตำรวจจึงไม่มีอำนาจควบคุมตัว โดยหลังจากสำนวนการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้วมีความเห็นอย่างไรก็จะทำการนัดตัวมาเพื่อพิจารณาต่อไป
ที่มา – กรุงเทพธุรกิจ