น้องชายวัย 70 ปี ลงมือฆ่าพี่ชายแท้ๆ วัย 72 ปี คาบ้านพักที่ จ.อำนาจเจริญ ก่อนจะผูกคอตัวเองตายตาม เพราะตัวเองไม่มีรายได้ไม่มีเงินดูแลพี่ที่ป่วย ล่าสุด เพื่อนบ้านรอบข้างหอบเสื้อผ้าหนีไปพักที่อื่น เพราะผวา หมาหอนทั้งคืน จนแทบไม่ได้นอน
นายสิงห์ รุจิอังกูร อายุ 73 ปี เพื่อนบ้าน เล่าว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 30 มีนาคม ขณะกำลังทำงานบ้านอยู่ที่บ้าน ห่างจากบ้านเกิดเหตุ 1 หลัง มีเพื่อนบ้านขับสามล้อผ่านมา เห็นเหมือนคนผูกคอตายที่ใต้ถุนบ้านดังกล่าว จึงได้จอดรถแล้วพากันเดินมาดู พบว่า นายอั้ง เนตรรักษ์ เจ้าของบ้านได้ใช้เชือกไนลอนผูกคอตายข้างบันไดใต้ถุนบ้าน จึงรีบตะโกนเรียกเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ให้ไปตามผู้ใหญ่บ้านมา
เมื่อผู้ใหญ่บ้านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ แพทย์เวร และมูลนิธิมาถึง ตรวจสอบที่เกิดเหตุภายในบ้านพบศพนายเคน เนตรรักษ์ อายุ 72 ปี ซึ่งเป็นพี่ชายของนายอั้ง นอนคว่ำหน้ามีเลือดแห้งเกรอะในห้องนอน ข้างศพมีค้อน และสากกะเบือไม้ตกอยู่ จากนั้นเจ้าหน้าที่และผู้ใหญ่บ้านจึงนำศพของทั้งคู่ไปบำเพ็ญกุศลและฌาปนกิจที่วัด
นายสิงห์ ยังเล่าอีกว่า หลังจากเผาศพแล้ว เห็นว่าหมาในซอยพากันหอนทั้งคืน จนเพื่อนบ้านรอบๆไม่กล้านอน ต้องหอบผ้าหอบผ่อนหนีไปค้างบ้านญาติกันเกือบหมด เหลือเพียงบ้านตนหลังเดียวในซอยนี้ที่ไม่ย้ายไปไหน
ขณะเดียวกัน นางแดง โคตรวงศ์ อายุ 48 ปี เพื่อนบ้านอีกคนบอกว่า หลังเกิดเหตุที่บ้านเกิดเหตุไม่ได้มีการมาทำพิธีอะไรเลย คราบเลือด และร่องรอยก่อเกิดเหตุก็ยังอยู่ จนไม่มีชาวบ้านกล้าเข้าใกล้ ยิ่งใครอยู่ใกล้ก็ยิ่งกลัว เมื่อคืนที่ผ่านมาไม่กล้าหลับ จึงอยากวอนให้ผู้นำชุมชนมาช่วยทำพิธีอะไรก็ได้ที่ทำให้ชาวบ้านสบายใจ เพราะเมื่อคืนหมาแถวบ้านหอนกันทั้งคืน
นอกจากนี้ครอบครัว นางสาวนิภาพร มูลสาร อายุ 29 ปี ซึ่งอยู่บ้านหลังตรงข้ามกับบ้านเกิดเหตุ ได้กลับมาที่บ้านเพื่อมาเก็บเสื้อผ้า ไปพักบ้านญาติ ซึ่งเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุราวๆปลายปีที่แล้ว นายอั้ง ได้ระบายความทุกข์ให้ฟังเป็นประจำว่า ตัวเองใกล้จะหมดสิ้นหนทางแล้ว เงินที่ขายที่ดินได้ก็กำลังจะหมด อีกทั้งยังต้องรับภาระเลี้ยงดูพี่ชายชราที่ป่วยอีก และมักบ่นว่าอยากตาย แต่หากตัวเองต้องตายก็จะให้พี่ชายตายก่อน เพราะว่าถ้าตัวเองตายไป พี่ชายก็จะไม่มีใครดูแล ซึ่งตนและแม่ได้พูดให้กำลังใจตลอดมา และพักหลังๆ 2-3 เดือนที่ผ่านมา เวลานายอั้งเมาเหล้ากลับมาบ้าน ก็มักจะมาดุด่าพี่ชายและลงมือทุบตีเป็นประจำ ซึ่งก่อนนี้ไม่ถึงขั้นลงไม้ลงมือ จะมีก็เพียงแค่ดุด่า ไม่คิดว่าจะมาก่อเหตุเช่นนี้