เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

งานนี้ไม่รู้ใครถูกใครผิด แต่มีเหตุสลดแน่นอนเมื่อมีผู้เสียชีวิต เมื่อวันที่ 24 ก.พ. พ.ต.ท.คูณทวี วันทะไชย สว.สอบสวน สภ.เมืองสรวง จ.ร้อยเอ็ด ได้รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้ได้รับบาดเจ็บบนถนนสายร้อยเอ็ด – สุวรรณภูมิ ใกล้กม.ที่ 34 สามแยกทางเข้าบ้านสูงยาง หมู่ 7 ต.คูเมือง อ.เมืองสรวง จ.ร้อยเอ็ด จึงรุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบเพียงรอยคราบเลือดหยดเป็นทาง และปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. ตกอยู่ที่พื้นถนน 1 ปลอก ชาวบ้านและกลุ่มวัยรุ่นจำนวนมากกำลังยืนจับกลุ่มคุยกัน จากการสอบถามทราบว่าผู้ได้รับบาดเจ็บพลเมืองดีช่วยกันนำตัวส่ง รพ.เมืองสรวง ไปก่อนหน้าและเสียชีวิตในเวลาต่อมาทราบชื่อ นายธนากร ยางเงิน อายุ 22 ปี ถูกยิงเข้าที่ขมับซ้ายทะลุขวา 1 นัด

ต่อมา ร.ต.อ.สัตยา คำวงษา อายุ 42 ปี รองสว.สอบสวน สภ.นาหว้า จ.นครพนม ได้เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสรวง พร้อมนำปืนพกสั้นซิกซาวเออร์ ออโตเมติก 1 กระบอก ของกลางมามอบให้ และให้การภาคเสธว่า ตนเองคือผู้ก่อเหตุยิงนายธนากรเสียชีวิต เนื่องจากก่อนเกิดเหตุตนได้เดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านเกิดที่ จ.ร้อยเอ็ด ในหมู่บ้านมีมหรสพหมอลำซิ่ง หลังงานเลิกคนแยกย้ายกันกลับบ้าน เพื่อนของบุตรชายได้ขอให้ตนขี่จยย.พาไปส่งที่บ้าน เนื่องจากเกรงว่าจะได้รับอันตรายเพราะมีกลุ่มวัยรุ่นอยู่เป็นจำนวนมาก  เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุพบนายธนากร ผู้เสียชีวิต กับพวกประมาณ 20 คนยืนขวางถนนอยู่ จึงได้บอกให้กลุ่มวัยรุ่นแยกย้ายกันกลับบ้านแต่กลุ่มของผู้ตายได้เดินเข้ามาหาในมือของแต่ละคนถือท่อนไม้มาด้วย ตนดูท่าจะไม่ปลอดภัยจึงได้ชักปืนพกยิงออกไปเพื่อป้องกันตัว 1 นัด กระทั่งเห็นนายธนากรล้มฟุบกองกับพื้น ก่อนพวกจะพากันวิ่งหนีและส่วนหนึ่งได้ช่วยกันนำร่างนายธนากรส่งรพ.เมืองสรวง ซึ่งต่อมาทราบว่าได้เสียชีวิตแล้ว

จากนั้นพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสรวง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่วิทยาการได้เข้าตรวจสอบบริเวณจุดเกิดเหตุอีกครั้งเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม พบท่อนไม้ 4-5 ท่อน ถูกทิ้งอยู่ข้างทาง ซึ่งคาดว่าจะเป็นของกลุ่มวัยรุ่นที่เตรียมไว้ทำร้ายคู่อริจึงเก็บมาไว้เป็นหลักฐาน เบื้องต้นได้แจ้งข้อหากับ ร.ต.อ.สัตยา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, พกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร, ยิงปืนโดยใช่เหตุ ขณะที่ นายพนม ยางเงิน อายุ 62 ปี บิดาของนายธนากร ผู้ตาย กล่าวว่า ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ จะเดินหน้าร้องขอความเป็นธรรมให้ดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด

ที่มา – เดลินิวส์