เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

แคมเปญ “ ขอคนละชื่อรื้อระบอบประยุทธ์ ” รวม 150,921 รายชื่อ ยื่น​ประธานรัฐสภา

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 30 มิถุนายน ที่รัฐสภา กลุ่ม Re-Solution นำโดย นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มรัฐธรรมนูญก้าวหน้า นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) ร่วมกับ นางสาวชญาธนุส ศรทัตต์ และ นางสาวสิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ตัวแทนผู้เชิญชวนเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมในแคมเปญ “ขอคนละชื่อรื้อระบอบประยุทธ์” ได้นำรายชื่อประชาชนกว่า 150,921 ชื่อ ไปยื่นต่อ​ประธานรัฐสภา โดยมี นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้แทนรับรายชื่อ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายพริษฐ์ กล่าวว่า คงไม่มีห้วงเวลาไหนที่ชัดเจนไปกว่านี้ ที่แสดงให้เห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ สามารถส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างแท้จริง เพราะไม่ว่ารัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จะบริหารจัดการวิกฤติโควิดอย่างขาดประสิทธิภาพแค่ไหน แต่ตราบใดที่เรายังอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ 2560 ที่ถูกเขียนขึ้นมาเพื่อสืบทอดอำนาจของระบอบประยุทธ์ ถึงแม้ประชาชนจะไม่พอใจการบริหารประเทศเท่าไหร่ แต่อำนาจในการเปลี่ยนรัฐบาลถูกพรากไปจากมือประชาชน การแก้ไขรัฐธรรมนูญจึงสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้เราสร้างระบอบการเมืองที่เป็นประชาธิปไตยและระบอบการเมืองที่ช่วยชีวิตประชาชน

นายพริษฐ์ กล่าวว่า ในขณะที่สมาชิกรัฐสภา นำโดย ส.ว. ได้ปัดตกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญถึง 12 จากทั้งหมด 13 ร่าง รวมถึงข้อเสนอที่สกัดกั้นการสืบทอดอำนาจ เหมือนเป็นการปิดประตูใส่หน้าประชาชน แต่เราก็ได้เห็นแล้วว่ามีประชาชนอีกจำนวนมากที่ไม่ยอมแพ้ และร่วมลงชื่อมากกว่า 150,000 ชื่อ เพื่อยื่นข้อเสนอในร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมรายมาตราของกลุ่ม Re-Solution เข้าสู่สภา โดยร่างนี้มุ่งเน้นการสกัดกั้นกลไกที่ระบอบประยุทธ์ใช้ในการสืบทอดอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นการยกเลิก ส.ว. การปฏิรูปที่มาของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและกรรมการองค์กรอิสระ การยกเลิกยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และการล้มล้างผลพวงรัฐประหาร

“ ผมขอขอบคุณประชาชนทุกคนที่ร่วมลงชื่อ รวมถึงอาสาสมัครทีมงานที่ทุ่มแรงกายใจตลอดหลายเดือน ให้ร่างของเราเข้าสู่สภาได้ และผมขอตอบแทนโดยการเรียกร้องและส่งต่อความคาดหวังของประชาชนไปยังรัฐสภา เพื่อขอให้รัฐสภาเร่งตรวจสอบเอกสารและบรรจุร่างฉบับนี้เข้าไปในวาระโดยเร็วที่สุด เพราะยิ่งรัฐสภาปล่อยให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญมีความล่าช้าเท่าไหร่ ก็เท่ากับการปล่อยให้ประชาชนต้องรับผลกระทบทางสุขภาพและทางเศรษฐกิจที่ทวีคูณความเสียหายในทุกๆ วัน จากการบริหารของรัฐบาลที่ขาดทั้งความสามารถ ขาดความรับผิดชอบทางการเมือง และขาดกลไกตรวจสอบถ่วงดุลที่ประชาชนไว้ใจได้” นายพริษฐ์กล่าว

แสดงให้เห็นถึงความตื่นตัวของประชาชนที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง ต้องการรื้อถอนกลไกที่ผิดปกติของรัฐธรรมนูญฉบับนี้อย่างไม่ลดละ ครั้งนี้เราได้รายชื่อมากกว่าครั้งที่แล้ว และเชื่อว่าถ้ายังเปิดรับและขอประชาชนช่วยกันสนับสนุนไปเรื่อยๆ ก็มีความเป็นไปได้มากที่เราจะได้ชื่อมากกว่านี้ โดยเรารับประกันว่าทุกรายชื่อที่ส่งเข้ามา เราจะจัดการอย่างดีที่สุด นำมายื่นต่อสภาไม่ให้ตกหล่นบกพร่อง

นายปิยบุตร กล่าวว่า ขอขอบคุณประชาชนที่แสดงให้เห็นความเป็นพลเมืองที่กระตือรือร้นต่อการมีส่วนร่วมทางการเมือง ปรากฏการณ์นี้มีความสำคัญ แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็นเจ้าของประเทศ เป็นผู้ทรงอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญตัวจริง ผมหวังว่าการเสนอร่างครั้งนี้โดยประชาชนที่เข้าชื่อกว่า 150,000 ชื่อ จะเป็นตัวกระตุ้นเตือนจิตสำนึกของสมาชิกรัฐสภาว่าอย่างน้อยจะต้องนำร่างเข้าไปพิจารณา ไม่ใช่ตีตกอย่างง่ายดายเหมือนครั้งที่แล้ว

นายปิยบุตร กล่าวว่า เราไม่ต้องการเห็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ กลายเป็นการแก้ไขเพียงระบบเลือกตั้ง จึงเป็นเหตุผลที่เราต้องเสนอร่างที่แก้ไขประเด็นสำคัญเข้ามาด้วย เพื่อพาประเทศไทยกลับมาสู่ระบบปกติ ที่ให้ทุกพรรคการเมืองได้แข่งขันกันอย่างเสรีและเป็นธรรม ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน เราคาดหวังอย่างยิ่งว่าร่างนี้จะบรรจุญัตติโดยเร็วที่สุด ฝากประชาชนช่วยกันจับตาว่าครั้งนี้ ส.ว. จะตัดสินใจอย่างไร สำหรับประชาชนไม่มีวันท้อถอย จะเดินหน้าต่อไปจนกว่าจะได้รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย

“เราทราบดีว่าอุปสรรคที่สำคัญคือจะเอาเสียงวุฒิสภา จำนวน 1 ใน 3 มาจากไหน แต่หาก ส.ว. ใช้อำนาจที่ไม่ได้มาจากประชาธิปไตย ขัดขวางเสียงของประชาชนบ่อยครั้งขึ้นเท่าไหร่ นั่นแสดงให้เห็นว่าเวลาสุดท้ายของ ส.ว. จะใกล้มาถึงเรื่อยๆ ถ้าประชาชนเข้าชื่อกันมา แต่ถึงเวลาวุฒิสภานั่งขวาง ไม่ยอมให้แก้ไขในประเด็นสำคัญ พวกเขาต้องตอบคำถามให้ได้ว่าเหตุผลอะไรที่ต้องขัดขวางเจตจำนงค์ของประชาชน เราไม่สามารถปล่อยให้บ้านเมืองอยู่ในกำมือของวุฒิสภา และขอยืนยันว่าหาก ส.ว. คว่ำร่างอีก เราจะรณรงค์กดดันต่อแน่นอน” นายปิยบุตร กล่าว