วันที่ 4 ก.ค. 64 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ตรวจความพร้อมโรงพยาบาลบุษราคัม เฟส 3 รองรับผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มสีเขียว และสีเหลือง ที่มีอาการ จำนวน 1,500 เตียง ที่จะเปิดตั้งแต่วันพรุ่งนี้ เป็นต้นไป ว่า ศักยภาพของ รพ.บุษราคัม ตอนนี้สามารถรองรับผู้ป่วยได้ 3,700 คน ปัจจุบันมีผู้ป่วยนอนรักษาตัวอยู่ 2,000 คน พร้อมย้ำว่า วัตถุประสงค์ ที่เปิดโรงพยาบาลบุษราคัม เฟส 3 เพื่อเร่งช่วยเหลือผู้ป่วยในกรุงเทพและปริมณฑล ที่ตอนนี้มีปัญหา หลังจากวันพรุ่งนี้เป็นต้นไป โรงพยาบาลบุษราคัม จะไม่ให้มีผู้ป่วยตกค้าง หรือเสียชีวิตที่บ้านเพิ่มอีก และขอให้กรุงเทพมหานคร ส่งผู้ป่วยมาที่โรงพยาบาลบุษราคัม หากรองรับไม่ไหว ส่วนทาง 1668 และ 1669 ตนเองได้ย้ำไม่ให้ปฏิเสธผู้ป่วย โดยให้นำผู้ป่วยส่งมารักษาที่โรงพยาบาลบุษราคัมได้ทันที
นายอนุทินยังย้ำว่า กระทรวงสาธารณสุข พยายามบริหารโรงพยาบาลสนาม ที่มีอยู่ทั้งหมด ให้ดีที่สุด อีกทั้งขณะนี้กำลังเตรียมหารือกับปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดจุดตรวจโควิด-19 เพิ่มเติม หลังมีประชาชนไปตรวจเป็นจำนวนมาก จนต้องรอคิวข้ามวัน และจะหารือกับ กทม. ให้เพิ่มจุดตรวจ เพื่อรองรับประชาชนที่ต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19
นายอนุทิน ได้ชี้แจงกรณีที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าวว่า ตนเองระบุว่า ปัญหาของการซื้อวัคซีนที่ล่าช้า เพราะมีคณะกรรมการพิจารณา 3 คน ที่มี ศ.พญ.กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ, รศ.นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ รวมถึง ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ จนทำให้ทั้ง 3 คน ออกปฏิเสธและตอบโต้ โดยนายอนุทิน ระบุว่า อาจารย์หมอไม่ได้มีอำนาจในการเลือกวัคซีนนั้น เป็นเพราะสื่อนำเสนอข่าวคลาดเคลื่อน เสนอไม่ครบ และยืนยันว่า ตนเองไม่ได้พูด การไปเสนอข่าวบิดเบือนทำให้หมอทั้ง 3 คน เข้าใจผิด และเกิดความบาดหมางใจกับตนเอง ขอสื่ออย่าสร้างประเด็นขัดแย้งอีก เพราะทุกวันนี้ ทุกคนล้วนทำงานหนัก ปัญหาในตอนนี้คือต้องช่วยกันแก้และทำให้ทุกอย่างคลี่คลาย
นายอนุทิน ยังกล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี โพสเฟซบุ๊กตำหนิ รองปลัดสธ.ที่ร้องไห้ เพราะทำให้บรรยากาศในประเทศเสียนั้น ว่า แล้วแต่ความคิดของแต่ละคน แต่ที่กระทรวงสาธารณสุข ทุกคนทำงานกันอย่างเต็มที่ ความอัดอั้นหรือน้ำตาของบางคน ที่จะหลั่งออกมา ก็ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะทุกคนทำงานด้วยความทุ่มเท ส่วนคนที่ไม่ได้ทำ หรือไม่ได้มาอยู่ตรงนี้ จะไม่มีทางรู้
อนุทิน ยัน ไม่เป็นไร ! ” ฉีดวัคซีนหมดแล้ว ” ดีกว่าไปนั่งอยู่ในร้านอาหาร