วันที่ 4 ส.ค. แหล่งข่าวระดับสูงในศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เปิดเผยถึงกรณีที่อนุญาตให้ประชาชนสามารถซื้ออาหารกลับบ้านจากร้านอาหารที่จำหน่ายภายในห้างสรรพสินค้าได้ ว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ได้เห็นชอบในมาตรการการผ่อนคลาย โดยหากอธิบายให้ประชาชนเข้าใจง่ายๆ คือจะมีจุดบริการ 3 จุดคือ 1 รับออเดอร์ 2 จุดรับสินค้า และ 3 จุดจำหน่ายอาหาร
ข่าวอื่นๆเพิ่มเติม
- พิธาซัดแรง ! ล็อกดาวน์สูญเปล่า ประยุทธ์ ออกเท่านั้นจึงจบวิฤกตินี้ได้
- “บิ๊กตู่” เตรียมประชุมศบค.เคาะล็อกดาวน์เพิ่ม-ปรับเพิ่มพื้นที่สีแดง 1 ส.ค. นี้!?
โดยจุดรับออเดอร์และจุดรับสินค้า ห้างสรรพสินค้าสามารถกำหนดให้ 2 จุดดังกล่าวอยู่ภายใน Supermarket ได้ หรือกำหนดที่เดียวกับ Rider ได้ หรืออาจกำหนดแยกต่างหากก็ได้ ซึ่งเดิม Supermarket มีพื้นที่ 100 ตารางเมตร แต่วันพรุ่งนี้จะมีการขยายพื้นที่เป็น 150 ตารางเมตร เพื่อไม่ให้เกิดความแออัด พร้อมทั้งระบุว่า จุดจำหน่ายอาหารจะต้องอยู่ในซุปเปอร์มาเก็ต Supermarket เท่านั้น ยกตัวอย่าง ร้านจำหน่ายอาหาร อาจนำสินค้าของตนมาวางจำหน่ายภายในซุปเปอร์มาร์เก็ตได้ แต่หากจะรับออเดอร์จุดรับออเดอร์หรือจุดรับสินค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ตใดมีขนาดกว้างขวาง อาจรับสินค้านั้นมาวางอยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ตได้ เมื่อถามเพิ่มเติม ถึงเหตุผลที่ไม่อนุญาตให้มีการจำหน่ายอาหารหน้าร้า
กรณีที่ไม่เปิดให้ผู้ซื้อไปเลือกซื้ออาหารหน้าร้านนั้น มีข้อกังวลว่าผู้ซื้ออาจเกิด การเดินวนไปเรื่อยๆ เพื่อเลือกซื้อสินค้า ซึ่งหากทุกคนทำแบบนี้ ก็จะเกิดความแออัด เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ที่บริเวณศูนย์อาหาร และทางกระทรวงสาธารณสุขจึงมีข้อกังวลไม่อยากให้มีการขายสินค้าบริเวณหน้าร้าน
สำหรับกรณีที่จำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งสูงถึง 20,000 ราย จะมีการทบทวนมาตรการหรือไม่ ในช่วงนี้มีการเร่งตรวจค้นหาเชื้อเชิงรุกมากขึ้น ทั้งการใช้ แอนติเจน เทสต์ คิด รวมไปถึงมีการใช้ชุดตรวจ CCRT ลงพื้นที่ชุมชน เร่งตรวจเพื่อแยกเอาผู้ติดเชื้อมารักษา ช่วงนี้จึงพบว่ามีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงขึ้น เพราะฉะนั้นในมาตรการด้านสาธารณสุข ยอมรับได้ในระดับ หนึ่งแล้ว และให้ใช้มาตรการนี้ต่อไป อีกระยะหนึ่ง เพื่อเร่งแยกผู้ติดเชื้อนำมารักษา และเร่งจัดตั้งระบบ Home isolation หรือ Community isolation