เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

พญานาค

         คำนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่โบราณ หลายคนคงสงสัยในคำนี้ บางคนไม่รู้จักว่ามีลักษณะอย่างไร มีตัวจริงหรือไม่ และมีลักษณะเดียวกันกับพญาครุฑหรือเปล่า

ซึ่งวันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกันว่า พญานาคแท้จริงแล้วคืออะไร มีตำนานแบบใด มีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน มีความเชื่อส่วนใหญ่แล้วไปในทางไหน

เรามีคำตอบ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ฮือฮา!! หนุ่มจับพญานาคมือเปล่ากลางโขง สักการะพระธาตุดังเผยเรื่องแปลก?

ตะลึง!!! บึงกาฬพบเศียรพญานาคเเห่งใหม่ในถ้ำศรีพรหม

พญานาค หรือ นาค มีภาษาอังกฤษ คือ King of Nagas ซึ่งเป็นความเชื่อในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีรูปร่างลักษณะเป็นงูใหญ่ ที่มีหงอน

ซึ่งจะสื่อถึงความยิ่งใหญ่ มีความอุดมสมบูรณ์ มีวาสนา และยังคงเป็นสัญลักษณ์ของบันไดสายรุ้งสู่จักรวาล โดยลักษณะตามความเชื่อในแต่ละภูมิภาค

จะมีความแตกต่างกันไป สีทองและตาสีแดง มีเกล็ดที่ลักษณะเหมือนปลามีหลากสี แตกต่างกันไปตามบารมี บ้างสีเขียว บ้างสีดำ และอาจจะมี 7 สี เหมือนสีของรุ้ง

และที่สำคัญคือพญานาค ที่เป็นตระกูลธรรมดาจะมีลักษณะ คือมีเศียรเดียว แต่หากเป็นตระกูลที่สูงกว่าตระกูลธรรมดานั้นจะมีสามเศียร ห้าเศียร เจ็ดเศียร

หรือเก้าเศียร พวกนี้จะสืบเชื้อสายมาจาก พญาเศษนาคราช (อนันตนาคราช) ผู้เป็นบัลลังก์ของพระวิษณุนารายณ์ปรมนาท ณ เกษียรสมุทร อนันตนาคราช

และผู้คนมีความเชื่อว่า พญานาคจะแปลงร่างเป็นมนุษย์รูปร่างสวยงามได้ พญานาคยังเป็นเจ้าแห่งท้องน้ำ บางแห่งบอกว่าเป็นเจ้าแห่งฟ้า และพญานาคชั้นสูง

เกิดแบบโอปปาติกะ เป็นชนชั้นปกครอง พญานาคนั้นได้อาศัยอยู่ในแม่น้ำ หนอง คลอง บึง หรือในอากาศ จนไปถึงสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา และมีต้นกำเนิด

ความเชื่อเรื่องพญานาค โดยสันนิษฐานว่ามาจากประเทศอินเดีย แห่งชมพูทวีป

ตำนานพญานาค

ในเกร็ดความรู้ ทรูปลูกปัญญา เรื่องพญานาคในพระพุทธศาสนา ได้เขียนไว้ว่า สำหรับตำนานมักจะมีหลายตำนานที่เล่าถึงพญานาค โดยในมหากาพย์มหาภารตะ

พญานาคถือเป็นศัตรูของพญาครุฑ ในตำนานพุทธประวัติ ก็ได้เล่าถึงพญานาคไว้หลายตอนเช่นเดียวกัน และในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชาวบ้านเชื่อกันว่า

พญานาคอาศัยอยู่ในแม่น้ำโขง หรือเมืองบาดาล ทั้งยังเคยมีคนพบรอยพญานาค จะออกมาปรากฏตัวให้เราได้เห็นในทุกวันออกพรรษา และจะมีลักษณะที่คล้าย

กับรอยของงูที่มีขนาดใหญ่

 

การเกิดของพญานาค จะสามารถเกิดได้ทั้ง 4 แบบ คือ

1. เกิดแบบโอปปาติกะ เกิดแล้วโตทันที
2. เกิดแบบสังเสทชะ เกิดจากเหงื่อไคล สิ่งหมักหมม
3. เกิดแบบชลาพุชะ เกิดจากครรภ์
4. เกิดแบบอัณฑชะ เกิดจากฟองไข่

ตระกูลของพญานาค

พญานาคส่วนใหญ่จะเป็นเจ้าแห่งงู จัดอยู่ฝ่ายสุคติภูมิ อยู่ในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา และพญานาคแบ่งออกเป็น 4 ตระกูลใหญ่ คือ
1. ตระกูลวิรูปักษ์ พญานาคตระกูลสีทอง
2. ตระกูลเอราปถ พญานาคตระกูลสีเขียว
3. ตระกูลฉัพพยาปุตตะ พญานาคตระกูลสีรุ้ง
4. ตระกูลกัณหาโคตมะ พญานาคตระกูลสีดำ

ความเชื่อเรื่องพญานาคในดินแดนต่างๆ ของไทย

ภาคเหนือ

ข้อมูลจาก คุณจีระพงษ์ โคตรชมภู ถูกเขียนไว้ว่า ตำนานสิงหนวัติ ซึ่งเป็นตำนานเก่าแก่ของทางภาคเหนือ คือ “เมื่อเจ้าเมืองสิงหนวัติอพยพคนมาจากทางเหนือ

พญานาคจะแปลงกายมาช่วยชี้ที่ตั้งเมืองใหม่ และขอให้อยู่ในทศพิธราชธรรม พอตกกลางคืนก็ขึ้นมาสร้างคูเมือง เป็นเมืองนาคพันธุ์สิงหนวัติ ต่อมายกทัพปราบ

เมืองอื่นได้และรวมดินแดนเข้าด้วยกันจึงเปลี่ยนชื่อเป็น แคว้นโยนกนคร ต้นวงศ์ของพญามังรายผู้ก่อกำเนิดอาณาจักรล้านนานั่นเอง”

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำโขงเชื่อว่า การเกิดมาเป็นแม่น้ำโขง เกิดจากการแถตัวของพญานาค นอกจากนี้ยังรวมถึงบั้งไฟพญานาค ที่เป็นประเพณีประจำภาค

ของคนในภาคอีสานทุกปี ซึ่งมีตำนานเล่าว่า ในวันออกพรรษา พญานาคในแม่น้ำโขงต่างยินดี จึงจุดบั้งไฟถวายให้กับการเสด็จกลับของพระพุทธเจ้า และเนื่องจาก

เชื่อว่าพญานาคเป็นเจ้าบาดาล เป็นผู้ให้กำเนิดน้ำ ดังนั้นเมื่อชาวนาจะทำพิธีแรกไถนา จึงต้องดูวัน เดือน ปี และทิศที่จะบ่ายหน้าควายเพื่อให้ควายลากไถไปในทิศ

ที่ทวนเกล็ดของพญานาค ไม่อย่างนั้นจะเกิดอุปสรรคขึ้น สำหรับลูกไฟแดงอมชมพู ที่พุ่งขึ้นจากแม่น้ำโขง สู่ท้องฟ้าในวันออกพรรษา ที่บริเวณเขต อ.โพนพิสัย

เห็นจนชินและเรียกสิ่งนี้ว่า “บั้งไฟพญานาค”

พญานาคในประติมากรรมไทย

ในประติมากรรมไทย เรามักจะเห็นสิ่งที่เกี่ยวกับพญานาคอยู่เสมอ ทั้งในงาน จิตรกรรม ประติมากรรม และหัตถกรรม ส่วนใหญ่ เป็นส่วนประกอบที่สำคัญทาง

สถาปัตยกรรม โดยเฉพาะตามอาคารวัด หลังคา อาคารที่สร้างขึ้นสำหรับสถาบันพระมหากษัตริย์ และสถาบันศาสนสถาน ตามคติที่ว่า นาคยิ่งใหญ่คู่ควรกับสถาบัน

อันสูง อย่างไรก็ตาม เรายังไม่สามารถหาคำตอบได้ว่า แท้จริงแล้ว พญานาคนั้นมีจริงหรือไม่ ซึ่งอาจจะมีจริงหรือเป็นเพียงแค่ความเชื่อของผู้คนเพียงเท่านั้น

หากเราเชื่อหรือนับถืออย่างมีสติ แล้วมีความสบายใจ ไม่เดือดร้อนสำหรับคนอื่น เชื่อแล้วเป็นผลดีในชีวิต และสามารถทำให้เราดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขได้

มีสติในทุกเรื่องความเชื่อนั้น ก็ไม่ถือว่าผิด อีกทั้งยังทำให้เราเข้าใจโครงสร้างเกี่ยวกับพญานาคได้ดี ซึ่งนั่นก็ถือว่าเป็นความรู้อีก 1 ทางอีกด้วย