เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

วช. จับมือ รร.นรต. หยุด! เด็ก-เยาวชน กระทำผิดซ้ำ ผลักดัน 3 แพลตฟอร์ม 8 นวัตกรรมยุติธรรมท้าทายไทย “SOP-JUDA-สารเสพติดในเส้นผม” แก้ไขปัญหายาเสพติดในเด็กและเยาวชน

โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ร่วมกับสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) จัดเสวนา “นวัตกรรมการอำนวยความยุติธรรมสำหรับเด็กและเยาวชน” ภายใต้แผนงานขยายผลการวิจัยสู่การปฏิบัติเพื่อการเปลี่ยนแปลงการอำนวยความยุติธรรมสำหรับเด็กและเยาวชนที่กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด

ศจ.พล.ต.ต.หญิง ดร.พัชรา สินลอยมา ที่ปรึกษาคณะตำรวจศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจและผู้บริหารจัดการโครงการวิจัย กล่าวว่า การเสวนาครั้งนี้ เป็นการเสนอแก้ไขกฏหมายและมาตรการพิเศษในการดูแลเด็กและเยาวชนจะมีการจัดทำคู่มือบูรณการร่วมกัน กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้หลักนิติวิทยาศาสตร์ มาใช้ลดการแก้ปัญหายาเสพติดร่วมกับภาคีเครือข่ายในการใช้หลักสูตรฝึกอบรมอาชีพ ปี 2563 กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน รายงานสถิติการกระทำผิดของเด็กและเยาวชนประจำปี พบว่ามีจำนวนถึง 19,470 คดี คดีส่วนใหญ่เป็นฐานความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด จำนวน 9,600 คดี หรือคิดเป็นร้อยละ 49.31 ของคดีทั้งหมด

สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ร่วมกับโรงเรียนนายร้อยตำรวจขับเคลื่อนนวัตกรรมยุติธรรมท้าทายไทย ภายใต้แผนงานขยายผลการวิจัยสู่การปฏิบัติเพื่อการเปลี่ยนแปลงการอำนวยความยุติธรรมสำหรับเด็กและเยาวชนที่กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ทั้งการเปลี่ยนแปลงในเชิงกฎหมายที่จะเกิดการบูรณาการเครือข่ายผู้บังคับใช้กฎหมายในการอำนวยความยุติธรรมแก่เด็กและเยาวชนโดยมุ่งประโยชน์สูงสุดของตัวเด็กและเยาวชนเป็นสำคัญ ควบคู่ไปกับการประยุกต์ใช้มาตรการพิเศษแทนการดำเนินคดีอาญา

ตลอดจนการประยุกต์ใช้กระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์ให้มีบทบาทสำคัญในกระบวนการยุติธรรมอย่างเป็นรูปธรรม การสร้างความยั่งยืนให้กับกระบวนการคืนเด็กดีสู่สังคมไม่ให้หวนกลับมากระทำผิดเปลี่ยนกระบวนทัศน์ของคนในสังคมในการให้โอกาสเด็กและเยาวชนเหล่านี้ให้มีพื้นที่จุดยืน มีอาชีพสุจริตหรือมีแนวทางการดำเนินชีวิตที่มีคุณภาพตามครรลองของสังคมปกติ

ผลการดำเนินงานได้เกิดการเปลี่ยนแปลงการอำนวยความยุติธรรมแก่เด็กและทั้งในมิติทางกฎหมายที่เกิด SOP ด้านการปฏิบัติต่อเด็กกระทำความผิดซึ่งมีอายุไม่เกิน 12 ปี หรือการใช้กระบวนการไกล่เกลี่ยมาเป็นกลไกสำคัญในการหันเหคดีเด็กและเยาวชนออกจากกระบวนการยุติธรรมกระแสหลักเพื่อสร้างความเท่าเทียมกันในสังคม  รวมทั้งด้านนิติวิทยาศาสตร์เกิดโปรแกรม JUDA  มีระบบฐานข้อมูลการกระทำความผิดของเด็กและเยาวชนที่แยกออกจากฐานข้อมูลของผู้ใหญ่ เพื่อใช้งานในระดับสถานีตำรวจได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอดรับกับการพัฒนาเทคนิคการตรวจสารเสพติดทางเส้นผม ขับเคลื่อนการดำเนินงานภายใต้ความร่วมมือของ 4 หน่วยงานใหญ่ ได้แก่ ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กรมคุมประพฤติและสถาบันนิติวิทยาศาสตร์

“การเสวนาครั้งนี้เป็นการเผยแพร่ผลงานวิจัย และนวัตกรรม โดยมีการเสนอมาตรการพิเศษ รวมทั้งในการนำเสนอการแก้ไขกฏหมายเพื่อดูแลเด็กและเยาวชน รวมทั้งจัดทำคู่มือ ความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และนวัตกรรมพิเศษ ที่จะดูและไม่ให้เด็กและเยาวชนหันกลับไปกระทำผิดซ้ำอีก นอกจากนี้ยังมีจะมีการบูรณาการในการกำหนดหลักสูตรที่การฝึกอบรมการสร้างอาชีพเพื่อสร้างหลักความมั่นคงและเป็นการเตรียมพร้อมก่อนกลับคืนสู่สังคม โดยจะร่วมกับภาคเอกชนและสถานการประกอบการต่าง ๆ เพื่อฝึกอบรม และเตรียมก่อนกลับสู่สังคมหลังพ้นโทษด้วย ทำอย่างไรไม่ให้ไปสู่กระบวนการยุติธรรมหรือไม่กลับไปสู่กระบวนการยุติธรรมอีก” ดร.พัชราฯ กล่าวย้ำ

ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กล่าวว่า วช. พร้อมผลักดันการวิจัยเพื่อแก้ปัญหาสังคม เพราะถือเป็นความท้าทาย รวมทั้งการวิจัยเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ ตลอดจนเกี่ยวข้องกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและต่อยอด สร้างมาตรการสำหรับการผสมผสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคมและชุมชน ในการป้องกันเด็กและเยาวชนที่ไม่เคยกระทำผิดไม่ให้เป็นผู้กระทำผิดรายใหม่ รวมถึงขยายผลนวัตกรรมการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของการอำนวยความยุติธรรมสำหรับเด็กและเยาวชนสู่การประยุกต์ใช้ในเชิงปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมและจะเป็นต้นแบบในการขยายผลการใช้นวัตกรรมนี้ในหน่วยงานอื่นๆ ต่อไป

นายประกอบ ลีนะเปสนันท์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง กล่าวว่า ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เป็นหน่วยงานที่ดูแลเรื่องการพิจารณาคดีเป็นหลักและยังเป็นหน่วยงานที่ดูแลศาลเยาวชนฯทั่วราชอาณาจักร ที่ผ่านมาศาลฯ พบข้อมูลว่ามีผลงานวิจัยและนวัตกรรมในการที่จะมีการตรวจสอบสารเสพติดจากเส้นผมได้ ซึ่งมีความแม่นยำสูง ของหน่วยงานนิติวิทยาศาสตร์และกรมพินิจฯ จึงขอเข้ามามีส่วนร่วมกันในการทำงานร่วมกัน เพื่อตรวจสารเสพติดจากเส้นผม กรณีที่ขึ้นสู่คดีในชั้นศาล โดยจะมีการตรวจสอบทั้งหมด ไม่ใช่เฉพาะคดียาเสพติเพียงอย่างเดียว เพราะผู้ต้องหาบางส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ไม่ว่าจะเป็นคดีหลักทรัพย์ พบว่ามีสารเสพติดในร่างกาย   ซึ่งชี้ให้เห็นว่า ยาเสพติดเป็นรากฐานที่ทำให้เด็กก่อคดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

หากมีการตรวจยาเสพติดโดยนวัตรกรรมสามารถตรวจสอบสารตกค้างได้ย้อนหลังกว่า 3 เดือน จะทำให้ระงับยับยั้งการเสพยาเสพติดในเด็กได้อย่างต่อเนื่อง เพราะหลักฐานจะปรากฏชัดเจน มีผลในการพิจรณาคดีทันที เดิมเด็กจะเสพยาต่อเนื่องเพราะคิดว่าตรวจไม่เจอ ทั้งนี้สามารถตรวจสอบได้ทั้งหมด แม้แต่กระท่อมและกัญชา ในอนาคตคาดว่าจะมีการตรวจย้อนหลังสารเสพติดได้กว่า 6 เดือนทำให้เด็กลดการใช้ยาเสพติด นอกจากนี้จะมีการขยายการตรวจสอบสารเสพติดในเส้นผมในศาลพื้นที่รอบกรุงเทพ และพื้นที่ที่คาดว่า มีผู้ต้องหาคดียาเสพติด โดยในงบประมาณหน้าจะเสนอให้มีการตรวจสอบยาเสพติดในเส้นผมในศาลทั่วประเทศ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อุ้ยยังไง #ทนายเดชา ประกาศ ถอนตัวจาก #คดีแตงโม เพราะเหุตนี้ ด้าน #คุณแม๊ เข้าพึ่งให้ #คนนี้ช่วย ทำ #คดี ต่อไป

ตามคาด!! ทนายตั้มเผย ทนายเดชากับแม๊!! วงแตกเพราะ..?! #ชาวเน็ต #โลกออนไลน์ #ดราม่า #แตงโมนิดา