เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ถ้าพูดถึงกัปตันทีมตลอดกาลของสโมสร ลิเวอร์พูลและทีมชาติอังกฤษคงไม่มีใครไม่รู้จัก สตีเวน จอร์จ เจอร์ราร์ด (Steven George Gerrard) เกิดวันที่ 30 พฤษภาคม ค.ศ. 1980 เป็นนักฟุตบอลทีมชาติอังกฤษรับตำแหน่งกัปตันทีมชาติอังกฤษ และเป็นอดีตผู้เล่นระดับตำนานของสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล ถูกแต่งตั้งเป็นกัปตันทีม จากอดีตผู้จัดการทีม เชราร์ อุลลิเยร์ ในฤดูกาล 2003-2004 ใส่หมายเลข 8 เจอร์ราร์ดได้รับตำแหน่งเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกแห่งจักรวรรดิบริเตน โดยราชินีอังกฤษ ในวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2550

 

 

ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อเต็ม : Steven George Gerrard

วันเกิด : 30 พฤษภาคม ค.ศ. 1980

สถานที่เกิด : วิสตัน อังกฤษ

ส่วนสูง : 184 ซ.ม.

ฉายา : Stevie G

ตำแหน่ง : กองกลางตัวรุก กองกลางตัวรับ กองกลางตัวรุกกราบขวา

เบอร์ในสโมสร : 8

สโมสรเยาวชน : ลิเวอร์พูล

สโมสรอาชีพ : ลิเวอร์พูล , แอลเอ กาแล็กซี่

ทีมชาติ : อังกฤษ

ผลงานผู้จัดการทีม : ลิเวอร์พูล U18 , กลาสโกว์ เรนเจอร์ส

 

 

ประวัติ 

สตีเว่น เจอร์ราร์ด ถือว่าเป็นนักเตะเยาวชนของโรงเรียนฟุตบอลลิเวอร์พูล (Liverpool Youth Academy) โดยเข้าร่วมเล่นเป็นนักฟุตบอลเยาวชนของสโมสรตั้งแต่อายุ 9 ขวบ โดยเริ่มแรกเลยเขาเล่นมิดฟิลด์ทางด้านขวา และมิดฟิลด์ตัวกลาง ฤดูกาล 1998-1999 เจอร์ราร์ดได้ลงเล่นชุดใหญ่ของลิเวอร์พูลเป็นนัดแรก ในนัดที่พบกับทีม เซลต้า บีโก้ ในแอนฟิลด์ โดยสิ้นสุดฤดูกาลนี้เขาลงเล่นให้ทีม 12 นัด ซึ่งยังเป็นตัวสำรองซะส่วนใหญ่ ในฤดูกาล 1999-2000 เจอร์ราร์ดได้มีโอกาสเล่นชุดใหญ่ของลิเวอร์พูลอย่างเต็มตัว โดยเขาลงเล่นให้กับทีม 29 นัด ยิงได้ 1 ประตู ซึ่งเขาเปลี่ยนมาเล่นบทมิดฟิลด์ตัวปะทะ ทำให้ได้รับใบเหลือง และใบแดงอยู่บ่อยครั้ง

 

เจอร์ราร์ดถูกเรียกตัวติดทีมชาติอังกฤษเป็นครั้งแรก และมีชื่อติดทีมชาติอังกฤษชุดยูโร 2000 แต่ก็ได้มองเพื่อนเล่นอยู่ที่ม้านั่งสำรองเท่านั้น ฤดูกาล 2000-2001 เจอร์ราร์ดได้ลงเล่นในเกมลีก 33 นัด ยิงได้ 7 ประตู และลงเล่นในเกมยูฟ่าคัพอีก 9 นัด ทำได้ 2 ประตู พาทีม ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ ลีกคัพ, ยูฟ่าคัพ และเอฟเอคัพ ฤดูกาล 2001-2002 เจอร์ราร์ดลงเล่นในเกมลีก 28 นัดยิงได้ 3 ประตู และในเกมยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกอีก 12 นัด ยิงไป 1 ประตู เขาได้รับรางวัลนักฟุตบอลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีอีกด้วย (Young Player of the Year award) เจอร์ราร์ด ถูกเรียกตัวติดทีมชาติอังกฤษชุดลุยศึกฟุตบอลโลกที่ประเทศ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น แต่เขาเกิดมีอาการบาดเจ็บทำให้ไม่สามารถเดินทางร่วมทีมไปแข่งขันฟุตบอลโลกได้

 

 

ฤดูกาล 2002-2003 เจอร์ราร์ดลงเล่นในเกมลีก 34 นัด ยิงได้ 5 ประตู และเล่นเกมยุโรปอีก 11 นัด และพาทีมคว้าแชมป์ลีกคัพโดยเอาชนะ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด คู่ปรับตลอดกาล ในฤดูกาล 2003-2004 เจอร์ราร์ด ลงเล่นในเกมลีก 34 นัด ยิงไป 4 ประตู และลงเล่นในเกมยูฟ่าคัพ 8 นัด ยิงได้ 2 ประตู เจอร์ราร์ดถูกเรียกติดทีมชาติอังกฤษชุดลุยศึกยูโร 2004 ที่โปรตุเกส โดยพาทีมเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ก่อนแพ้ให้กับโปรตุเกสเจ้าภาพ และในฤดูกาลนี้เจอร์ราร์ดได้รับแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมคนใหม่ของลิเวอร์พูล แทนที่ของ ซามี่ ฮูเปีย

 

 

ฤดูกาล2004-2005 เขาลงเล่นในเกมลีก 30 นัดทำได้ 7 ประตู และพาทีมลิเวอร์พูลเข้าชิงลีกคัพกับ เชลซีแต่แพ้ไป 3-2 โดยเขาทำเข้าประตูตัวเองซึ่งเป็นประตูตีเสมอ 1-1 อีกด้วย แต่ก็สามารถพาทีมคว้าถ้วยยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก ด้วยการเอาชนะทีม เอซีมิลาน จากการดวลจุดโทษ ซึ่งในครึ่งแรกทีมเอซีมิลานนำอยู่ 3-0 และคาดว่าจะพลาดถ้วยแชมป์เปี้ยนลีก แต่ความที่ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ทำให้ลิเวอร์พูลกลับมาตีเสมอ 3-3 และใน ฤดูกาล 2005-2006 ทำประตูตีเสมอ Westham United 2-2 ในรอบชิงชนะเลิศ English FA CUP ส่งผลให้ลิเวอร์พูลได้แชมป์ในที่สุด ประตูจากการยิงไกลระยะ 35 หลานี้เป็นหนึ่งในประตูยอดเยี่ยมของรอบชิงชนะเลิศตลอดกาล และทำให้ สตีเฟน เจอร์ราร์ด เป็นนักเตะเพียงคนเดียวที่ทำประตูในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วย 4 รายการใหญ่ League Cup กับ แมนฯ ยู , ยูฟ่าคัพ กับ อลาเบส และ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก กับ เอซี มิลาน ในฤดูกาล 2006-2007 แม้จะช่วยให้ลิเวอร์พูลเอาชนะทีมเชลซีได้ในรอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ และเข้าชิงกับเอซี มิลานอีกครั้ง แต่ก็ต้องแพ้ไป 2-1 สำหรับถ้วยในประเทศก็มีเพียง แชร์ริตี้ชีลด์ กับเชลซีเท่านั้น

 

 

ประวัติชีวิต

สตีเวน เจอร์ราร์ด แต่งงานกับ อเล็กซ์ คูร์ราน และมีลูกสาวสองคน คือ ลิลลี่-เอลล่า เจอร์ราร์ด (เกิดเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2004) และ เล็กซี่ เจอร์ราร์ด (เกิดเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2006) โดยทั้งคู่แต่งงานกันที่ คลิเวเดน ในวันที่ 16 มิถุนายน 2007 ซึ่งเป็นวันเดียวกับงานแต่งของเพื่อนร่วมทีมชาติอังกฤษ อย่าง แกรี่ เนวิลล์, ไมเคิ่ล คาร์ริค และ ร็อกสตาร์ชื่อดัง อย่าง ร็อด สจ๊วร์ต ก่อนที่หนึ่งวันให้หลัง จอห์น เทอร์รี่ กองหลังกัปตันทีมเชลซี ก็สละโสดตามไปอีกเช่นกัน

ในวันที่ 1 กันยายน 2006 เจอร์ราร์ด ได้เขียน อัตชีวประวัติของตัวเอง ที่มีชื่อหนังสือว่า “Gerrard: My Autobiography”  ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัว และชีวิตการ เป็นนักฟุตบอลกับ ลิเวอร์พูล และ ทีมชาติอังกฤษ แถมหนังสือเล่มนี้ ยังได้รับรางวัลหนังสือกีฬาแห่งปี “กาแล็กซี่ บริติช บุ๊ค อวอร์ดส์” ซึ่งเอาชนะ หนังสืออัตชีวประวัติของยอดดาวยิงระดับตำนานของโลก อย่าง เปเล่ อีกด้วย ในวันที่ 29 ธันวาคม 2006 เจอร์ราร์ด ได้รับชั้นยศ เอ็มโอบี (Member of the Order of the British Empire) จาก พระราชินี อลิซาเบธ ที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร ในฐานะผู้ที่ทำคุณประโยชน์ให้แก่วงการกีฬาของอังกฤษ

 

เกียรติประวัติ : สโมสรลิเวอร์พูล

 

 

 

ชนะเลิศ

เอฟเอคัพ : ฤดูกาล 2000-01, 2005-06

ลีกคัพ : ฤดูกาล 2000-01, 2002-03, 2011-12

เอฟเอคอมมูนิตีชีลด์ : ปี 2001, 2006

ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก : ฤดูกาล 2004-05

ยูฟ่าคัพ ฤดูกาล : 2000-01

ยูฟ่าซูเปอร์คัพ : ปี 2001, 2005


รองชนะเลิศ

พรีเมียร์ลีก : ฤดูกาล 2001-02, 2008-09

เอฟเอคัพ : ฤดูกาล 2011-12

ลีกคัพ : ฤดูกาล 2004-05

เอฟเอคอมมูนิตีชีลด์ : ปี 2002

ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก : ฤดูกาล 2006-07

ฟีฟ่าคลับเวิลด์คัพ : ปี 2005

 

 


เกียรติประวัติส่วนตัว
 

Ballon d’Or Bronze Award : ปี 2005

ผู้เล่นทรงคุณค่าของยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก : ฤดูกาล 2004-05

UEFA Club Footballer of the Year : ปี 2005

นักฟุตบอลยอดเยี่ยมของสมาคมผู้สื่อข่าวอังกฤษ : ปี 2009

FWA Tribute Award : ปี 2013

นักฟุตบอลยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ : ปี 2006

นักฟุตบอลดาวรุ่งยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ : ปี 2001

นักฟุตบอลยอดเยี่ยมจากแฟนบอลของพีเอฟเอ : ปี 2001, 2009

นักฟุตบอลอังกฤษแห่งปี : 2007, 2012

ทีมยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ : ปี 2001, 2004, 2005, 2006, 2007, 2008, 2009

Standard Chartered Liverpool Player of the Month Award : เดือนกันยายน 2010, มีนาคม 2012, มกราคม 2013

Liverpool Player of the Season : 2005–06, 2008–09

ผู้ทำประตูสูงสุดของลิเวอร์พูล : ฤดูกาล 2004-05, 2005-06, 2008-09

ทีมยอดเยี่ยมของฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป : ปี 2012

ทีมแห่งปีของยูฟ่า : ปี 2005, 2006, 2007

FIFA/FIFPro World XI : ปี 2007, 2008, 2009

ESM Team of the Year : 2008–09

ประตูแห่งฤดูกาล : ปี 2006

UEFA Champions League Final Man of the Match : ปี 2005

FA Cup Final Man of the Match : ปี 2006

นักฟุตบอลยอดเยี่ยมของพรีเมียร์ลีกประจำเดือน : มีนาคม 2001, มีนาคม 2003, ธันวาคม 2004, เมษายน 2006, มีนาคม 2009

Member of the Order of the British Empire : ปี 2007

Honorary Fellowship from Liverpool John Moores University : ปี 2008

BBC Sports Personality of the Year Award – อันดับ 3 : ปี 2005

IFFHS World’s Most Popular Footballer : ปี 2006