เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

เมื่อวันที่ 2 ต.ค. 60 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. เป็นประธานการประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (นขต.ทบ.) ในปีงบประมาณ 2561 ว่า ตนให้ความสำคัญและความเร่งด่วนสูงสุดต่อภารกิจ การถวายความปลอดภัย ถวายพระเกียรติ แด่องค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ รวมทั้งสนองงานด้านต่างๆ เช่น การสนับสนุนโครงการจิตอาสา “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” นอกจากนี้จะให้การสนับสนุนงานของรัฐบาลและ คสช.อย่างเต็มขีดความสามารถ เพื่อให้เป็นไปตามโรดแม็ป เช่น การปฏิรูปประเทศ และการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อเตรียมความพร้อมสู่ยุคประเทศไทย 4.0 รวมถึงการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ เพื่อสร้างบรรยากาศความปรองดอง และการเลือกตั้งทั่วไปตามกรอบระยะเวลา งานการช่วยเหลือประชาชนโดยให้ทุกหน่วยต้องมีความพร้อมทั้งในด้านกำลังพล ยุทโธปกรณ์ รวมทั้งการบูรณาการ และประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อสามารถให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติโดยทันที

 พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวต่อว่า ส่วนการพัฒนาขีดความสามารถของกองทัพบกตามแนวคิด Smart Man ในระดับบุคคล และขยายผลไปสู่การเป็น Smart Army ในแต่ละระดับหน่วยนั้นจะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านระบบการศึกษาทางทหาร การฝึกเป็นหน่วยตามวงรอบประจำปี ตั้งแต่ระดับชุดปฏิบัติการ จนถึงระดับกองร้อย การฝึกการปฏิบัติการทางยุทธวิธีของหน่วยระดับกองพันและกรมผสม เพื่อรองรับการป้องกันประเทศในระยะยาว ทั้งนี้การพัฒนากองทัพ จะดำเนินการตามแผนพัฒนากองทัพบกและแผนปรับปรุงโครงสร้างกองทัพบก โดยยังคงให้ความเร่งด่วนกับการรักษาระดับความพร้อมรบให้กับหน่วยทุกประเภท เพื่อรองรับการปฏิบัติการในระดับแผนเผชิญเหตุ และแผนการปฏิบัติ ในกรอบงานความมั่นคงมิติอื่นๆ รวมทั้งพิจารณาใช้ประโยชน์จากกำลังพลสำรอง ให้มีความเชื่อถือได้ และนำไปสู่ระบบกำลังพลสำรองอาสาสมัคร และการคัดเลือกกำลังพลสำรองเข้ารับราชการทหาร เป็นการชั่วคราว เพื่อปรับลดกำลังทหารประจำการ ทั้งนี้ ให้จัดทำโครงการนำร่องเพื่อนำกำลังพลสำรองมาบรรจุเข้ารับราชการเป็นการชั่วคราว ให้เป็นรูปธรรม

พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวต่อว่า ตนได้ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และการเสริมสร้างความร่วมมือด้านการทหาร กับมิตรประเทศ โดยยกระดับบทบาทความร่วมมือด้านความมั่นคง ทั้งแบบทวิภาคีและพหุภาคี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเทศเพื่อนบ้าน และกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน และดำรงความต่อเนื่องและขยายขอบเขตการฝึกร่วม/ผสม กับประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้กลไกความร่วมมือด้านความมั่นคงและการทหารแบบทวิภาคี ที่ได้มีการจัดตั้งไว้แล้ว ส่วนผู้บังคับหน่วยทุกระดับ จะต้องให้ความสำคัญต่อการบริหารจัดการอาวุธยุทโธปกรณ์ของหน่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเก็บรักษา การนำไปใช้งาน และการปรนนิบัติบำรุง

“การบริหารราชการของกองทัพบก ต้องกระทำด้วยความโปร่งใส ก่อให้เกิดความเชื่อมั่น ศรัทธา ต่อการทำงานของกองทัพบก รวมทั้งส่งเสริมและพัฒนาการให้บริการของประชาชน โดยนำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเข้ามาใช้ ตลอดจนปรับระบบการทำงาน เพื่อให้เป็นไปตามแนวนโยบายและแผนปฏิบัติการ ป้องกัน และปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบตามที่รัฐบาลกำหนดไว้” พล.อ.เฉลิมชัย กล่าว

ที่มา – ไทยรัฐ