เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

วันที่ 16 มิ.ย. 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รองผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น.

พ.ต.ต.ทศรัสมิ์ กิติธารา สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ , ร.ต.อ.ธนพล มโนษร , ร.ต.อ.ปฏิภาน ไกรลาศฉิมพลี รองสว.กก.วิเคราะห์ข่าว และกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. (สืบนครบาล) ร่วมกันจับกุมตัวน.ส.กฤษณา หรือเก๋ อายุ 25 ปี และน.ส.นภัสสร หรืออัพ อายุ 28 ปี

พร้อมด้วยของกลาง ซิมโทรศัพท์ ที่ลงทะเบียนพร้อมใช้งานแล้ว 10 ซิม ซิมโทรศัพท์ ที่ยังไม่มีการลงทะเบียน จำนวน 490 ซิม สมุดบัญชีธนาคารพร้อมบัตรเอทีเอ็ม และซิมซึ่งลงทะเบียนผูกบัญชี เปิดบัญชีโดยนายอุทัย สมุดบัญชีธนาคารพร้อมบัตรเอทีเอ็มะซิมงลงทะเบียนผูกบัญชี เปิดบัญชีโดย นางสาวอารียา 1 ชุด โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง โดยจับกุมได้ที่ซอยอรรถกระวี แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กทม.

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ สืบทราบว่ามีผู้ลักลอบจำหน่ายซิมโทรศัพท์ที่ได้ลงทะเบียนแล้วโดยบุคคลอื่นพร้อมใช้ และบัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีความผิดตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 จึงได้ให้สายลับทำการติดต่อล่อซื้อพูดคุยกันผ่านเฟซบุ๊ก

โดยผู้ต้องหานัดหมายกันในวันที่ 15 มิ.ย. 2567 เวลาประมาณ 22.00 น. โดยได้ตกลงต่อรองกันจนได้ตกลงซื้อขายซิมโทรศัพท์ที่ลงทะเบียนพร้อมใช้งาน 500 ซิม ในราคา 55,000 บาท สมุดบัญชี พร้อมบัตรเอทีเอ็มและซิมผูกบัญชี 2 บัญชี ในราคา 20,000 บาท รวมเป็นเงิน 75,000 บาท

ผู้ต้องหานัได้นัดหมายที่หลังห้างสรรพสินค้าย่านพระราม 4 แต่เมื่อถึงเวลาปรากฏว่ายังไม่มาตามนัด ต่อมาวันที่ 16 มิ.ย. เวลาประมาณ 01.45 น. เจ้าหน้าที่ซึ่งได้เฝ้าจุดสังเกตการณ์ อยู่ภายในซอยอรรถกระวี ต่อมามีรถยนต์สีดำขับขี่มาจอดบริเวณที่นัดหมาย มี น.ส.กฤษณา ลงมาจากรถและน.ส.นภัสสร ซึ่งเป็นผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ติดต่อกัน นั่งคอยอยู่บนรถ

โดยผู้ต้องหาได้ถือกล่องลังกระดาษลังมาพบกับสายลับ ภายในกล่องดังกล่าวมีซิม 500 ซิม และ สมุดบัญชีพร้อมบัตรเอทีเอ็ม และซิมซึ่งผูกกับบัญชีดังกล่าว 2 ชุด จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงแสดงตัวเป็นตำรวจต่อน.ส.กฤษณา และเรียกน.ส.นภัสสร ลงมาจากรถ พร้อมยึดของกลาง

สอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้งสองคนให้การรับสารภาพว่า ทั้งคู่ได้เคยไปทำงานเป็นคอลเซ็นเตอร์ อยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้านน.ส.กฤษณา หรือ เก๋ ไปอยู่มา 2 ปี แล้วหนีกลับมา ผันตัวมาขายซิมโทรศัพท์ ส่วนน.ส.นภัสสร หรือ อัพ ตามน.ส.กฤษณาไปภายหลังแต่อยู่ได้ไม่ถึงเดือนไม่โอเคจึงได้กลับมา

เบื้องต้นแจ้งข้อหา ร่วมกันเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อหรือขายเลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนามของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้ว แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้, ร่วมกันเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อหรือขาย ให้เช่า ให้ยืม บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์

หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนามของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้ว แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้ (เป็นธุระจัดหา จำหน่าย ซิมม้า,บัญชีม้า) ก่อนนำตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลางส่งสน.ทองหล่อ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ขอประชาสัมพันธ์เตือนภัยมิจฉาชีพหลอกลวงให้เปิดบัญชีธนาคาร(บัญชีม้า)และเปิดซิมโทรศัพท์มือถือเพื่อไปใช้ในการกระทำผิด แลกกับค่าจ้างเพียงไม่กี่บาท ซึ่งคนร้าย จะนำซิมการ์ดที่ได้ ไปใช้ในการกระทำความผิด เช่น ใช้โทรศัพท์ไปหลอกลวงเหยื่อ,

ใช้ประกอบการเปิดระบบธนาคารออนไลน์หรือเปิดกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์เพื่อรอรับเงินโอนจากการหลอกลวงเหยื่อหรือรับโอนเงินที่ได้จากการกระทำความผิด, ใช้ผูกกับบัญชีสื่อสังคมออนไลน์แล้วนำไปใช้กระทำความผิด

ซึ่งตามกฎหมายนั้น ผู้ใดเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก (คนเปิดบัญชีม้า) บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์ (คนเปิดซิมม้า) สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน

ทั้งนี้ โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาอื่นใด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ข่าวที่น่าสนใจ

สะพานขาด ไร้หน่วยงานซ่อมแซม ชาวบ้านเดือดร้อน จะเป็นปีแล้ว

สาวสั่งข้าวกุ้งแกะ ได้ของมาไม่ตรงปก