เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ดิจิทัลวอลเล็ต จะเปิดให้ลงทะเบียนสำหรับผู้มีมือถือผ่านแอพพ์ “ทางรัฐ” ตั้งแต่ 1 ส.ค. – 15 ก.ย. 2567 และยืนยันตัวทั้งหมดผ่านแอพพ์ โดยรัฐบาลแนะนำว่าถ้ายังไม่มีแอพพ์สามารถโหลดมาสมัครก่อนได้เลย เมื่อถึงกำหนด 1 ส.ค.จะได้ลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ตพร้อมยืนยันตัวได้ทันที สำหรับผู้ไม่มีมือถืออยู่ระหว่างเตรียมช่องทางลงทะเบียน และหลังจาะสมัครแล้วจะรับทราบผลอนุมัติในวันที่ 22 ก.ย. ในส่วนของการใช้จ่ายจะสามารถใช้ได้ในไตรมาส 4 ปีนี้กับ ‘ร้านค้า’ ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ (ไม่รวมห้าง) ตามเขตอำเภอที่อยู่ในบัตรปชช.เท่านั้น และต้องเป็นการซื้อแบบพบหน้าเพราะจะมีการเช็กคุณสมบัติ ทั้งนี้ไม่สามารถใช้จ่ายจำพวกค่าบริการต่างๆ ได้

เมื่อเวลา 10.05 น. วันที่ 24 กรกฎาคม ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เป็นประธานการแถลงข่าว “ดิจิทัลวอลเลต โครงการเพื่อประชาชน พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ” พร้อมด้วยนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง และนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง โดยการแถลงข่าวครั้งนี้เป็นการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการครั้งที่ 1

นายพิชัย กล่าวว่า ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 11 ก.ย.66 รัฐบาลได้เสนอนโยบายโครงการเติมเงินสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านดิจิทัลวอลเล็ต โดยผ่านการวิเคราะห์และกลั่นกรองมาในหลายประเด็น อาทิ ทำไมจะต้องทำมีเหตุผลและความจำเป็นอย่างไร คำตอบคือภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำที่ยาวนานมากกว่า 15 ปี แต่ถ้าเห็นชัดๆ คือ 10 ปีที่ผ่านมาตกต่ำค่อนข้างมาก เกิดหนี้ครัวเรือนไต่ขึ้นมาตามลำดับ ประกอบด้วย หนี้บัตรเครดิต หนี้ที่อยู่อาศัย หนี้ยานพาหนะ ซึ่ง GDP ของเราอยู่ที่เกือบ 19 ล้านล้าน ซึ่งหากมองในมุมมองเศรษฐกิจแก้ได้ไหม แก้ไขได้ถ้ามีปัญญา แล้วปัญญาคืออะไรก็คือการขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจโตให้ได้ให้ไม่เหมือนกับ 10 ปีที่ผ่านมาที่เราไปเจอว่ายอดผลิตยอดขายตกลง หนี้เยอะเพราะใช้จ่ายฟุ่มเฟือย หรือหนี้เยอะเพราะรายได้ไม่พอ จึงอนุมานได้ว่าน่าจะมาจากรายได้ต่ำกว่ารายจ่ายจึงเกิดหนี้ขึ้น การแก้ปัญหาจึงเป็นการเพิ่มรายได้โดยการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

ถามว่า แล้วขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างไร นายพิชัย กล่าวว่า เราอยู่ในช่วง 10 ปีที่มีปัญหาเชิงโครงสร้างเกิดขึ้นจริงๆ ทำให้ประเทศไม่สามารถแข่งกับชาวโลก ยอดการส่งออกก็ค่อยๆ ลดลงมาต่ำกว่า 70% แล้ว ดังนั้นรัฐบาลที่อาสาเข้ามาแก้ ก็ต้องเจอหนี้สาธารณะอย่างแน่นอนและรัฐบาลต้องสร้างหนี้เพื่อเข้ามาแก้ปัญหา เราก่อหนี้ที่ 12 ล้านล้าน เราเหลือกระสุนอีกไม่เยอะ ทั้งนี้ 10 ปีที่ผ่านมาก็ได้ยืนยันสิ่งที่เราเห็นและวิเคราะห์ว่าเศรษฐกิจไม่เติบโตจริงๆ ด้วย 10 ปีที่ผ่านมาเติบโตเพียง 1.9 ประกอบดับผู้เชี่ยวชาญที่วิเคราะห์ว่าเศรษฐกิจโตแต่อาจจะไม่เกิน 2.4 เพราะติดปัญหาเชิงโครงสร้าง

ฉะนั้นหนี้เยอะแก้ได้หลายวิธี ใส่เงินไปให้เงินไปทำได้ แต่ครั้งนี้จะต่างกว่าเดิม ย้ำว่าดิจิทัลวอลเล็ตเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อแก้วิกฤตควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างเพื่อสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขัน โดยตั้งเป้าผู้ใช้สิทธิอยู่ที่ 90 % หรือ 50 ล้านคนจากทั้งหมด 67 ล้านคน ฉะนั้น เงินดิจิทัล วอลเล็ต มีค่ามากกว่าที่ท่านเห็น ระบบดิจิทัลวอลเล็ตไม่ใช่การเติมเงินธรรมดา แต่คือการกระตุ้นเศรษฐกิจ

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า หลังจากที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการพิจารณารายละเอียดโครงการฯ อย่างรอบคอบ สอดคล้องตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ข้อกฎหมายและระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง พร้อมนาความเห็นหน่วยงานต่าง ๆ มาประกอบการพิจารณาอย่างรอบคอบและรัดกุมนั้น โครงการฯ มีความพร้อมที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจแล้ว

โดยโครงการนี้มีวัตถุประสงค์ที่สำคัญเพื่อส่งเสริมให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในพื้นที่ และช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพ ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ประชาชน ส่งเสริมให้ประชาชนและชุมชนมีความเข้มแข็งในด้านเศรษฐกิจ สามารถพึ่งพาตนเองได้ สร้างและเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพ รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาให้เกิดนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคม

ซึ่งเมื่อเริ่มดำเนินโครงการฯ แล้ว จะก่อให้เกิด “พายุหมุนทางเศรษฐกิจ” จำนวน 4 ลูก ได้แก่ พายุหมุนลูกที่ 1 การใช้จ่ายระหว่างประชาชนกับร้านค้าขนาดเล็ก ถือเป็นกระตุ้นเศรษฐกิจไปยังฐานราก กระจายไปพร้อมกันทุกอำเภอทั่วประเทศ ช่วยบรรเทาความเดือดร้อน ลดภาระค่าใช้จ่ายแก่ประชาชน พายุหมุนลูกที่ 2 การใช้จ่ายระหว่างร้านค้าขนาดเล็กกับร้านค้าขนาดใหญ่ และพายุหมุนลูกที่ 3 การใช้จ่ายระหว่างร้านค้าขนาดใหญ่กับร้านค้าขนาดใหญ่ซึ่งจะทำให้เกิดการต่อยอดกาลังซื้อ การบริโภค หรือสร้างโอกาสในการลงทุนเพื่อประกอบอาชีพ และพายุหมุนลูกที่ 4 พลังการใช้จ่ายของประชาชนแต่ละคนจะเกิดผลต่อการหมุนเวียนของกิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นทวีคูณ ช่วยฟื้นฟูภาคการผลิตของประเทศ และสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจในภาพรวม

ทั้งนี้ รัฐบาลจะเปิดให้ประชาชนที่สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ในระหว่างวันที่ 1 สิงหาคมถึง 15 กันยายน 2567 และมีกำหนดการที่จะให้เริ่มใช้จ่ายในโครงการฯ ภายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567

ต่อมา นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้ร่วมกันแถลงรายละเอียดของโครงการฯ เพิ่มเติม ดังนี้

ใครใช้ดิจิทัลวอลเล็ตได้บ้าง
1. คุณสมบัติประชาชน ดังนี้
1.1 ประชากรที่มีที่อยู่ในทะเบียนบ้าน
1.2 สัญชาติไทย
1.3 มีอายุตั้งแต่ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ปิดรับลงทะเบียน (15 กันยายน 2567)
1.4 ไม่เป็นผู้มีรายได้เกิน 840,000 บาท สำหรับปีภาษี 2566
1.5 ไม่เป็นผู้ที่มีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจรวมกันเกิน 500,000 บาท
โดยตรวจสอบข้อมูลเงินฝาก 6 ประเภท ได้แก่ (1) เงินฝากกระแสรายวัน (2) เงินฝากออมทรัพย์ (3) เงินฝากประจำ (4) บัตรเงินฝาก (5) ใบรับเงินฝาก และ (6) ผลิตภัณฑ์เงินฝากในชื่อเรียกอื่นใดที่มีลักษณะเดียวกับข้อ (1) – (5) ทั้งนี้ เงินฝากดังกล่าวให้หมายความถึงเฉพาะเงินฝากที่อยู่ในรูปสกุลเงินบาทเท่านั้น และไม่รวมถึงเงินฝากในบัญชีร่วม และเป็นเงินฝาก ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567
1.6 ไม่เป็นผู้ที่อยู่ระหว่างต้องโทษจำคุกในเรือนจำ
1.7 ไม่เป็นผู้ที่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนในมาตรการ/โครงการอื่น ๆ ของรัฐ
1.8 ไม่เป็นผู้ฝ่าฝืนเงื่อนไขของมาตรการ/โครงการอื่น ๆ ของรัฐ

2. กำหนดการเข้าร่วมโครงการฯ
2.1 การลงทะเบียนประชาชนทั่วไป ระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม-15 กันยายน 2567 จะดำเนินการ
ผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” บนสมาร์ตโฟน โดยไม่มีการจำกัดจำนวนประชาชนที่จะเข้าร่วมใช้สิทธิ์ในโครงการฯ ดังนั้น ประชาชนทุกคนที่มาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการและมีคุณสมบัติครบถ้วน ก็สามารถเข้าร่วมโครงการได้ซึ่งรัฐบาลได้ประมาณการไว้จำนวน 45-50 ล้านคน
2.2 การลงทะเบียนประชาชนกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ตโฟน ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมการให้เข้าร่วมโครงการฯ ได้ในระยะต่อไป โดยจะให้มีการลงทะเบียนและยืนยันตัวตนผ่านช่องทางที่กำหนด (ระหว่างวันที่ 16 กันยายน – 15 ตุลาคม 2567) ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติ สถานะบุคคล และที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน เช่นเดียวกับกลุ่มผู้มีสมาร์ตโฟน สำหรับส่วนของการใช้จ่ายนั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาให้ใช้สิทธิผ่านบัตรประจำตัวประชาชน แต่การใช้สิทธิซื้อสินค้าจากร้านค้าจะทำได้ในวงแคบกว่าการใช้สิทธิของประชาชนกลุ่มที่มีสมาร์ตโฟน ดังนั้น การลงทะเบียนผ่านสมาร์ตโฟนจะสามารถใช้งานได้สะดวกกว่า จึงแนะนำให้พยายามลงทะเบียนผ่านทางสมาร์ตโฟนก่อนเป็นอันดับแรก
2.3 การลงทะเบียนร้านค้า ในเบื้องต้นกำหนดไว้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ซึ่งจะมีการแถลงข่าวเพิ่มเติม เพื่อแจ้งเกี่ยวกับคุณสมบัติของร้านค้า ช่องทางและวิธีการสมัครเข้าร่วมโครงการฯ และเงื่อนไขอื่น ๆ ให้ทราบต่อไป

ใช้จ่ายยังไง ซื้ออะไรได้บ้าง
2.4 การใช้จ่ายในโครงการฯ มีรายละเอียด ดังนี้
1) เริ่มใช้จ่ายได้ภายในไตรมาส 4 ของปี 2567
2) เงื่อนไขการใช้จ่าย
2.1) การใช้จ่ายระหว่างประชาชนกับร้านค้า : ประชาชนจะสามารถใช้จ่ายได้กับร้านค้า
ขนาดเล็ก รวมถึงร้านสะดวกซื้อขนาดเล็ก โดยไม่รวมห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีก-ค้าส่งสินค้าขนาดใหญ่ระดับประเทศและระดับท้องถิ่น และในการซื้อสินค้า หากประชาชนมีที่อยู่ตามทะเบียนบ้านในอำเภอใด ก็ต้องซื้อสินค้าจากร้านค้าในอำเภอเดียวกันเท่านั้น และต้องซื้อขายแบบพบหน้า (Face to Face) ซึ่งคำว่าซื้อขายแบบพบหน้านี้ จะมีการตรวจสอบ (1) ที่อยู่ของร้านค้าตามที่ลงทะเบียนโครงการฯ (2) ที่อยู่ของประชาชนตามทะเบียนบ้านในขณะที่ลงทะเบียนโครงการฯ และ (3) พิกัดที่อยู่ของประชาชนในขณะที่ใช้จ่ายกับร้านค้าต้องอยู่ในเขตอำเภอเดียวกันการชำระเงินจึงจะสมบูรณ์
2.2) การใช้จ่ายระหว่างร้านค้ากับร้านค้า : ร้านค้าทุกประเภทสามารถซื้อขายสินค้าระหว่างกันได้ และไม่มีการกำหนดเงื่อนไขว่าต้องเป็นการซื้อขายแบบพบหน้า (Face to Face) จึงซื้อขายสินค้าระหว่างกันได้
แม้จะอยู่ต่างพื้นที่
3) ประเภทสินค้า: สินค้าทุกประเภทสามารถเข้าร่วมโครงการฯ ได้ ยกเว้นสินค้า Negative List ได้แก่ สลากกินแบ่งรัฐบาล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผลิตภัณฑ์ยาสูบ กัญชา กระท่อม พืชกระท่อม ผลิตภัณฑ์กัญชา และกระท่อม บัตรกำนัล บัตรเงินสด ทองคา เพชร พลอย อัญมณี น้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซธรรมชาติ เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องมือสื่อสาร

อย่างไรก็ดี กระทรวงพาณิชย์อาจพิจารณาแก้ไขปรับปรุงรายการสินค้า Negative List เพิ่มเติมได้ ทั้งนี้ การใช้จ่ายภายใต้โครงการฯจะไม่รวมถึงบริการต่าง ๆ

ขั้นตอนการลงทะเบียนผ่านแอพพ์ทางรัฐ
3. ขั้นตอนการลงทะเบียนและยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” แบ่งเป็น 2 รูปแบบ ดังนี้
3.1 รูปแบบที่ 1 การยืนยันตัวตนและลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่านแอพพลิเคชัน “ทางรัฐ”
ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม – 15 กันยายน 2567
3.2 รูปแบบที่ 2 การยืนยันตัวตนผ่านแอพพลิเคชัน “ทางรัฐ” มาก่อนวันที่ 1 สิงหาคม 2567 แล้ว
จึงค่อยมาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่านแอพพลิเคชัน “ทางรัฐ” ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม – 15 กันยายน 2567 ซึ่งจะทำให้คงเหลือขั้นตอนลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม เป็นต้นไป ที่ง่ายและรวดเร็วกว่า

ดังนั้น จึงขอประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ประชาชนเตรียมการดาวน์โหลดแอพพลิเคชัน “ทางรัฐ” และทำการยืนยันตัวตนล่วงหน้าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชัน “ทางรัฐ” ได้โดยตรงจากแอพพลิเคชัน “App Store” สำหรับระบบปฏิบัติการไอโอเอส (iOS) และแอพพลิเคชัน “Google Play” สำหรับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) บนโทรศัพท์สมาร์ตโฟน

โดยภายหลังจากลงทะเบียนเสร็จแล้ว ระบบจะแจ้งว่าได้รับการอนุมัติสิทธิดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่ หากไม่ได้เพราะเหตุผลใด ในวันที่ 22 กันยายน ซึ่งสามารถอุทธรณ์ได้

ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการ นำเสนอรายละเอียดต่าง ๆ ของโครงการฯ ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบภายในเดือนกรกฎาคม 2567

อนึ่ง ประชาชนที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเตรียมการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ได้ที่เว็บไซต์ www.digitalwallet.go.th หรือพิมพ์เป็นภาษาไทยว่า www.กระเป๋าเงินดิจิทัล.รัฐบาล.ไทย หรือสามารถสอบถามผ่านศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน (Call Center) สายด่วน โทร. 1111 ซึ่งพร้อมให้บริการและคำแนะนำปรึกษาแก่ประชาชนแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป