เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

วันที่ 20 ส.ค. 2567 นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2567 ปตท. และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 64,437 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 34.4% คิดเป็น 16,475 ล้านบาท จากธุรกิจการกลั่นที่มีผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่จากกำไรสต๊อกน้ำมันที่เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานธุรกิจปิโตรเคมียังเพิ่มขึ้นจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้น ผลการดำเนินงานธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมเพิ่มขึ้นจากปริมาณการขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น แม้ราคาขายเฉลี่ยจะปรับลดลง ประกอบกับมีการรับรู้กำไรจากการขายเงินลงทุนและจำหน่ายสินทรัพย์เพิ่มขึ้น ขณะที่มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนและตราสารอนุพันธ์เพิ่มขึ้น

“สำหรับแผนลงทุนปี 2567 ทั้งปียังอยู่ที่ 26,283 ล้านบาท ซึ่งในช่วงที่เหลือ 4 เดือนของปีนี้มั่นใจว่ายังลงทุนตามแผนธุรกิจที่กำหนดไว้ ด้วยสภาพคล่องประมาณ 4.5 แสนล้านบาท จะสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างแข็งแกร่ง เพื่อขับเคลื่อนการลงทุนและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ”

นายคงกระพัน กล่าวต่อว่า ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ หากจำแนกเป็นรายธุรกิจ คาดว่าธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมจะมีรายได้ใกล้เคียงกับช่วงครึ่งแรกของปี หรืออาจลดลงเล็กน้อย ส่วนธุรกิจก๊าซธรรมชาติอาจปรับตัวดีขึ้น แต่ต้องติดตามดูราคาเชื้อเพลิงตลาดโลก อย่างธุรกิจน้ำมันที่คาดว่าจะทรงตัว ส่วนธุรกิจปิโตรเคมีอาจทรงตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว เพราะบางสินค้าถูกนำเข้ามาตีตลาดในประเทศ ทำให้ความต้องการใช้ปิโตรเคมีลดลง

นอกจากนี้ กลุ่ม ปตท. ยังมุ่งสู่การเติบโตขององค์กรระดับโลกอย่างยั่งยืน จากกำไรธุรกิจ Hydrocarbon 92% และธุรกิจ Non-Hydrocarbon 8% โดยคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2567 ที่ 0.80 บาทต่อหุ้น เมื่อรวมกับภาษีเงินได้ ปตท. และบริษัทในเครือนำเงินส่งรัฐรวม 35,684 ล้านบาท อีกทั้งยังมีส่วนร่วมบรรเทาผลกระทบจากวิกฤตด้านราคาพลังงาน ตั้งแต่ปี 2563 วงเงินกว่า 24,000 ล้านบาท เพื่อลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชน