เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 30 พ.ค.นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์  ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อม 2 ทนายดัง นายเดชา กิตติวิทยานันท์  นายรณณรงค์  แก้วเพ็ชร  ได้มาออกรายการ “โหนกระแส” โดยนายอัจฉริยะ กล่าวว่า  ตนเองถูกนายปรีชาฟ้องศาลว่าละเมิดอำนาจศาล โดยจะมีการไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 21 มิ.ย.นี้ ซึ่งตนเองไม่รู้ว่าละเมิดศาลตรงไหน เพราะสิ่งที่เผยแพร่เป็นข้อมูลข่าวสารในเชิงลึก ในเฟซบุ๊ก ซึ่งวันนี้ต้องถามว่าครูปรีชายอมรับหรือยังว่าเป็นเสียงเขา เพราะตนเองบอกแล้วไม่ได้ยืนยันว่าเป็นเสียงของใคร ถ้าวันนี้ครูปรีชามาฟ้อง แสดงว่าครูปรีชาก็ต้องยอมรับก่อนว่าเป็นเสียงครูปรีชา   ยืนยันว่าคลิปที่เผยแพร่หามาเอง ไม่เคยไปคัดเอกสารสำนวนที่ศาล ไม่ได้เป็นคู่ความในคดี คลิปนี้ได้มาจากแหล่งข่าวของตนเอง  ส่วนที่หลายคนมองว่าตนเองกำลังวิ่งผลัดกับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายของลุงจรูญนั้น ก็ต้องไปพิสูจน์ให้ได้ว่าส่งไม้ต่อยังไง

เมื่อถามว่านายษิทรา ระบุว่าได้คลิปมาจากศาล แล้วแจ้งความว่าหายไป แต่อยู่ดีๆมาโผล่ในมือของนายอัจฉริยะ นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ คุณต้องไปหาที่มาก่อนว่าเจ้าของเสียงคือคุณหรือเปล่า สิ่งที่เราได้รับมาไม่ใช่เอกสารในศาล ไม่ได้เป็นสำนวนในศาล เอาง่ายๆ ตนเองยังไม่เคยไปศาลจ.กาญจนบุรีเลย อันนี้ก็ยืนยันว่า 21 มิ.ย.ตนเองจะไปพร้อมทนาย เพื่อพิสูจน์ว่าไม่ได้ละเมิดอำนาจศาล เคารพศาล และก็ไม่ได้เป็นคู่ความในคดี สิ่งที่เขามาร้องตนเองก็จะถามศาลว่าตนผิดตรงไหน”

เมื่อถามว่า ในมุมมองเรา ใครเป็นต่อ นายอัจฉริยะ  ระบุว่า “ผมมีเงินสดล้านนึง ใครก็ได้มาลองกับผมหน่อย ผมเอา 5 แสนพอ  ผมต่อให้ 2 หมื่น ปรีชาแพ้  ซึ่งผมเคยมีคดีที่ขอนแก่นแบบนี้เลย ฝั่งจรูญชนะ คนกล่าวหาเจ๊งหมดตัว”

ด้านนายเดชา กล่าวว่า ปกติกรณีอย่างนี้เขาไม่มีการฟ้องกัน   เขาร้อง ไม่เหมือนกัน ฟ้องต้องมีคู่กรณี โจทก์ จำเลย ร้องไม่ต้องมี คือความผิดละเมิดอำนาจศาล เป็นเจตนารมณ์กฎหมายมีไว้เพื่อป้องกันกระบวนการยุติธรรม ไม่จำเป็นต้องมีผู้เสียหาย คนที่เสียหายคือศาล คำว่าละเมิดอำนาจศาลคือการประพฤติตนไม่เรียบร้อย ซึ่งสิ่งที่เขาร้องศาลคือคลิปที่ปล่อยออกมา  คลิปพวกนี้ อยู่ในสำนวนศาล ซึ่งยังไม่ได้มีการสืบพยาน ถ้ามีใครไปขอคัดขอถ่ายมา มีบุคคลภายนอกเอาพวกนี้มาปล่อย เขาจะถือว่าประพฤติตนไม่เรียบร้อย อย่างไรก็ตามในส่วนของครูปรีชาน่าจะมีการเตรียมการพอสมควรในการยื่นร้องแบบนี้  อาจมีพยานยืนยันว่าคุณอัจฉริยะ เอาคลิปพวกนี้มาจากสำนวนศาล หากไต่สวนเสร็จเกิดยกขึ้นมาก็เล่นกลับเลยทีนี้งานงอกเพิ่ม

เมื่อถามว่าเรื่องนี้ทางทนายเดชา คิดอย่างไร นายเดชา กล่าวว่า อะไรที่โต้แย้ง อย่างความเห็นตำรวจศาลไม่ฟังอยู่แล้ว ศาลคิดเองได้ ใช้ความรู้ข้อกฎหมายศาลจะเชื่อใคร ศาลดูพยานหลักฐาน นิติวิทยาศาสตร์ พยานวัตถุสำคัญกว่า พยานบุคคลของครูปรีชา ที่ให้การไม่เหมือนกันก็ดูไม่มีน้ำหนัก  อย่างไรก็ตามแพ้ชนะพูดไม่ได้ ชี้นำศาล ถ้าดูจากหลักฐานหมวดจรูญเป็นต่อแต่ไม่รู้ชนะหรือไม่ ต้องรอไต่สวนดู”

ด้านนายรณณรงค์ กล่าวว่า คือถ้าไม่ใช่เสียงเขา แล้วเขาไปขึ้นศาลร้องทำไม นี่คือประเด็น เนื้อหาในคลิปบางประโยคมันสุ่มเสี่ยงผิดกฎหมายมากเลยนะ ไปยื่นได้ต้องมีความเสียหายเกิดขึ้น ประชาชนอาจเข้าใจว่าเป็นเสียงเขา นั่นคือประชาชนเข้าใจ แต่ในทางคดี มันใช่เสียงเขาหรือไม่ตนเองฟังหลายๆ อัน ทั้งที่ออกอากาศและไม่ออกอากาศมันสุ่มเสี่ยงมากเลยนะเพราะพาดพิงคนโน้นคนนี้เยอะแยะไปหมดเลย บางทีอาจไม่ได้มาจากชุดเดียวกันก็ได้ อาจเป็นหนอนเอามาให้ก็ได้ ไม่ใช่ปลวกเมืองไทยมีหนอนเยอะ ไม่ต้องกลัว และหาก“หวยอยู่ในมือใครก็ต้องเป็นของคนๆ นั้น ต่อให้มีหลักฐานพลิกไปพลิกมา ไม่เช่นนั้นสังคมวุ่นวายเพราะทุกคนเล่นหวยกันเยอะ