เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 เป็นประธานการประชุม วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธ์ุ พ.ศ…. ที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว

โดยเป็นการพิจารณาวาระ 2 โดยที่ประชุมใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง จนต้องพักการประชุม ทำให้กว่าจะผ่านการพิจารณามาตรา 3 ว่าด้วยคำนิยามไปได้ ซึ่งที่ประชุมลงมติเห็นด้วยกับ กมธ.เสียงข้างมาก แต่ยังไม่ได้พิจารณาคำว่ากลุ่มชาติพันธุ์กับชนเผ่าพื้นเมือง ส่วนเรื่องชาติพันธุ์ กมธ.ได้ลงมติเห็นด้วยกับเสียงข้างน้อย จนทำให้ที่ประชุมต้องหยุดพักการประชุม เพื่อหารือถึงประเด็นนี้ว่าจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร

ต่อมา สส.พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายคัดค้านและเสนอญัตติให้สภาฯ พิจารณาเดินหน้าในวาระ 2 ต่อ เพราะถือเป็นครั้งแรกที่เสนอร่างกฎหมายโดยภาคประชาชน พรรคการเมือง และรัฐบาล ทำให้เกิดบรรยากาศตึงเครียด

ทำให้ ครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ในที่ประชุมวิปรัฐบาลยังสับสนกันอยู่ แต่พวกเราเห็นความตั้งใจในการพิจารณากฎหมายฉบับนี้ ระหว่างผู้ชี้แจงกับพวกเรายังคุยกันไม่เข้าใจ แต่คิดว่าน่าจะแก้ปัญหาได้เมื่อเข้าสู่สภาฯ หากเป็นผลประโยชน์กับประชาชน ตนไม่เข้าใจที่โหวตก็แอบดูว่าเขาโหวตอะไรกัน ก็โหวตตามเขา ทั้งที่นี่เป็นกฎหมายฉบับแรก ตนเห็นใจพรรคประชาชนและภาคประชาชนที่เสนอร่างกฎหมายนี้มา

“ผมพูดแบบแฟร์ ๆ ขอให้ถอนไปก่อนแล้วมาเจรจากัน สภาฯไม่ล่มหรอก 4 ปีนี้เขาไม่ปฏิวัติ อย่างไรก็อยู่ครบ หากเป็นนิมิตหมายที่ดีก็ไม่เป็นปัญหา ขอให้ถอนไปก่อน แล้วนำเข้ามาอีก ผมในนามที่อยู่ในพรรคเพื่อไทยพร้อมจะช่วยเข็น ทุกคนมีเหตุผล อย่าเอาชนะคะคานไปทำคอนเทนต์กันเถอะ ขอให้เอาประโยชน์ชาติและประชาชนเป็นหลัก ขอให้ถอนออกไปก่อน อย่าดื้อดึงกันเลย”

การอภิปรายดังกล่าวทำให้ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ลุกใช้สิทธิพาดพิงสวนทันทีว่า เข้าใจ ครูมานิตย์ ปกติพูดคุยกันดี แต่ที่บอกว่าทำคอนเทนต์ ตนคิดว่าไม่ใช่ ตนติดตามการประชุมตลอด แต่การที่ ครูมานิตย์ พูด เหมือนเป็นการกล่าวหาประธานกมธ. เพราะเห็นว่ากมธ. ชี้แจงครบถ้วนดี ดังนั้นที่ประชุมไม่จำเป็นต้องถอนออกไป ตนไม่รู้ว่าจะถอนเพื่อประสงค์ของใครกันแน่ หากมีความเห็นไม่ตรงกันก็ใช้สภาฯลงมติ อย่ามาปรามาสประธานกมธ. อย่างนี้ รัฐประหารไม่มีแน่ แต่ยุบสภาฯมีแน่นอน

ครูมานิตย์ จึงลุกขึ้นชี้แจงว่า ไม่อยากทะเลาะกับ นายวิโรจน์ ตนมีเจตนาดี ไม่ได้มีเจตนาร้าย ไม่ได้ว่าประธานกมธ.ไม่รู้เรื่อง แต่คุยกันไม่เข้าใจ แต่อาจใช้คำผิดเพราะเป็นครูบ้านนอก ไม่ใช่เด็กกรุงเทพ หากเป็นเรื่องที่ตนพูดผิดว่าเขาทำคอนเทนต์ ก็ขอถอนออก

จากนั้นที่ประชุมลงมติด้วยคะแนน 255 เสียง ให้ถอนร่างออกไป ไม่เห็นด้วย 137 เสียง ทำให้ กมธ.ต้องถอนร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ออกไป ซึ่งถือเป็นกฎหมายฉบับที่ 3 ที่กมธ.ต้องถอนออกไปทบทวนใหม่