ซาอุดิอาระเบีย มาได้ประตูชัยช่วงทดเวลาบาดเจ็บ พร้อมกับคว้าชัยชนะเป็นเกมแรกในรอบ 12 นัด ในศึกฟุตบอลโลก ขณะที่ อียิปต์ ได้ประตูจาก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แต่ไม่สามารถพาทีมเก็บชัยชนะได้
สนาม : วอลโกกราด อารีน่า, วอลโกกราด, ประเทศรัสเซีย
เกมนัดส่งท้ายของทั้งสองทีม ไฮไลท์อยู่ที่ เอสซัม เอล ฮาดารี ผู้รักษาประตูทีมชาติอียิปต์ได้รับโอกาสลงสนามเป็นตัวจริง ซึ่งทำให้เจ้าตัวทำสถิติเป็นผู้เล่นอายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก ด้วยวัย 45 ปี 161 วัน ทุบของเดิม ฟาริด มอนดรากอน ทำไว้ก่อนหน้านี้ โดยแก่กว่าอดีตโกลโคลอมเบีย 2 ปี 158 วัน น.15 ซาเล็ม อัล-ดอว์ซาวี่ กระชากบอลหนีแนวรับอียิปต์สองคน ก่อนจะซัดตรงกรอบเขตโทษแต่บอลพุ่งข้ามคานออกไป
น.22 อียิปต์ได้ประตูขึ้นนำ จากความผิดพลาดของซาอุฯที่เสียบอลบนบริเวณกลางสนาม และเป็น อับดัลลาห์ ซาอิด วางบอลยาวมาให้กับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แข้งคนดังของลิเวอร์พูล จับบอลลงหนึ่งจังหวะก่อนจะกระดกบอลข้ามหัว ยาสเซอร์ อัล-โมไซเล็ม เข้าประตูไป อียิปต์ ขึ้นนำ 1-0 ช่วงท้ายครึ่งแรก นาที 39 ซาอุฯ มาได้ลูกจุดโทษจากจังหวะแฮนด์บอลของ อาห์เหม็ด ฟาธี แต่ ฟาฮัด อัล-มูวัลลาด ยิงไปติดเซฟของ เอล ฮาดารี นายด่านวัย 45 ปี พลาดโอกาสตีเสมอไปอย่างน่าเสียดาย
อย่างไรก็ตามช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก เศรษฐีน้ำมัน มาได้ลูกจุดโทษอีกครั้ง จากจังหวะที่ผู้ตัดสินมองว่า ซัลมาน อัล-ฟาราจ ถูก อาลี กาเบอร์ เหนี่ยวล้มในเขตโทษ ซึ่งวิลมาร์ โรลดาน ผู้ตัดสินชาวโคลอมเบียได้พิจารณาจากภาพวีเออาร์แล้วก็ยืนยันคำตัดสินคำเดิม แถมแจกใบเหลืองแก่ กาเบอร์ อีกด้วย โดยคราวนี้ ซัลมาน อัล-ฟาราจ ลุกขึ้นมาสังหารเอง และซัดเข้าไปไม่พลาด ทำให้ซาอุฯ ตามตีเสมอ 1-1 ในนาที 45+6 จบครึ่งแรก ซาอุฯ เสมอ อียิปต์ 1-1
ครึ่งหลังซาอุฯครองเกมได้เหนือกว่าอียิปต์อย่างเห็นได้ชัด ขณะที่อียิปต์ไม่สามารถตั้งเกมของตัวเองได้เลย โอกาสทองของซาอุฯ ในนาทีที่ 69 เมื่อฮุสเซน อัล-โมกาวี่ ได้โหม่งเหน่งๆในเขตโทษแต่อัล-โมไซเล็ม ลอยตัวปัดทิ้งออกหลังไว้ได้ ช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 5 ซาอุฯ มาได้ประตูชัยจากซาเล็ม อัล-ดอว์ซาวี่ ที่ซัดมุมแคบด้วยเท้าขวาผ่านตัวอัล-โมไซเล็ม เข้าประตู ซาอุฯพลิกขึ้นนำ 2-1 และจบเกมด้วยสกอร์นี้ ทำให้ทีมจากเอเชีย เก็บชัยชนะในฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรกในรอบ 12 นัด พร้อมกับจบอันดับ 3 ของกลุ่ม มี 3 คะแนน ส่วนอียิปต์รั้งอันดับสุดท้ายของกลุ่ม ไม่มีแต้ม
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
ซาอุดิอาระเบีย : ยาสเซอร์ อัล-โมไซเล็ม, โอซาม่า ฮาวซาวี่(C), โมตาซ ฮอว์ซาวี่ี, ยาสเซอร์ อัล-ชาห์รานี่, โมฮัมเหม็ด อัล-เบรอิค, ซัลมาน อัล-ฟาราจ, อับดุลลาห์ โอเตฟ, ฟาฮัด อัล-มูวัลลาด, ฮุสเซน อัล-โมกาวี่, ซาเล็ม อัล-ดอว์ซาวี่, ฮัตตาน บาเฮบร (มูฮันหนาด อัสซิรี่ น.65)
อียิปต์ : เอสซัม เอล ฮาดารี (C), อาห์เหม็ด ฟาธี , อาห์เหม็ด เฮกาซี่, อาลี กาเบอร์ , โมฮาเหม็ด อับเดล ชาฟี่, ทาเร็ค ฮาเหม็ด, โมฮาเหม็ด เอลเนนี่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, อับดัลลาห์ ซาอิด (อาเมียร์ วาร์ด้า น.45+7), มาห์มูด ฮาสซัน “เทรเซเก้ต์” , มาร์วาน โมห์เซน (รามาดาน โซบี น.64)
