เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

นพ.ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 1และนพ.ไชยเวช ธนไพศาล ผอ.รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ ชี้แจงหลังเข้าตรวจความพร้อมสำหรับทำการรักษาพยาบาลทีมหมูป่าทั้ง 13 ชีวิต ว่าโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์มีความพร้อมในทุกด้าน แค่รอเวลาการเคลื่อนย้ายออกจากถ้ำ โดยตอนนี้ปิดชั้น8 ทั้งชั้น อาคารอุบัติเหตุฉุกเฉิน14ชั้น เตรียมห้องแยกโรคตามมาตรฐานวิชาชีพทางการแพทย์ เพราะผู้ป่วยอาจได้รับเชื้อจากสัตว์ในถ้ำมา จึงต้องแยกโรคไว้ชั่วคราว โดยจะทำการเจาะเลือดตรวจหาเชื้อและเฝ้าระวัง 24 ชั่วโมง และมีการจัดพยาบาลดูเเลประกบหนึ่งต่อหนึ่ง หลังจากนั้นจึงจะอนุญาตให้ผู้ปกครองและญาติเข้าเยี่ยมได้ และแม้ว่าการเจาะเลือดครั้งแรกสามารถตรวจสภาพร่างกายได้กว่า 90% แต่จะต้องเฝ้าระวังต่อ 7 วัน หรืออาจจะสั้นกว่านั้น ขึ้นอยู่กับอาการของแต่ละคน

จากภาพเมื่อคืนวินิจฉัยเบื้องต้น สภาพร่างกายไม่น่าจะมีปัญหา ขณะเดียวกันทางโรงพยาบาลมีประวัติการรักษาโรคหอบหืดของน้องบางคนอยู่แล้ว ซึ่งหอผู้ป่วยที่มีการรักษามีเครื่องเอ็กซเรย์ที่ทำการเคลื่อนย้ายได้ สามารถเอ็กซเรย์ปอดได้โดยไม่ต้องเคลื่อนย้ายผู้ป่วย

ทั้งนี้ทีมแพทย์มีความกังวลถึงโอกาสการติดเชื้อของน้องๆทั้ง 13 คน โดยเฉพาะเชื้อไวรัส ไข้รากสาด และฉี่หนู ที่อาจเกิดจากค้างคาว แมลงและพาหะต่างๆในถ้ำ จำเป็นต้องมีการตรวจอย่างละเอียด นอกจากนี้ยังห่วงใยถึงเจ้าหน้าที่ที่เข้ามาช่วยเหลือ ได้เตรียมออกการ์ดให้เข้าตรวจโรคต่อไป

ในเรื่องระบบสายตาทีมแพทย์ไม่มีความกังวล เบื้องต้นเตรียมแว่นตาดำให้ใส่ทุกคนเพื่อปรับรูม่านตาในการรับแสง และจักษุแพทย์ได้ตรวจหอผู้ป่วยได้เตรียมห้องปิดผ้าม่านและลดแสงในระดับพอเหมาะไว้แล้ว

สำหรับหลักโภชนาการในการรักษา ในภาวะผู้ป่วยที่อดอาหารเกิน10 วัน ถือว่ามีความเสี่ยงหากให้อาหารตามความต้องการมากเกินไปอาจทำให้เกิดความผิดพลาดของเกลือแร่ และฟอสฟอรัส แมกนีเซียมในเลือดต่ำได้ ซึ่งอาจส่งผลต่อการทำงานของเซลล์ต่างๆในร่างกายได้

เบื้องต้นการปรับสภาพร่างกายในถ้ำ ขณะนี้ทีมแพทย์จะให้กินวิตามินบี1, น้ำเกลือ, น้ำตาล, ประมาณ 200 cc.ในมื้อแรก จากนั้นอีก 2 ชม.จะให้อาหารทางการแพทย์ลักษณะคล้ายกับนม อีก200 cc. และจะให้สลับกันแบบนี้เป็นระยะๆ ใน24ชั่วโมงแรก