ยังไม่จบและก็มีปัญหาตามมาเรื่อยๆกับ “ขยะพิษ” ซึ่งล่าสุดวันนี้ 24 ก.ค.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชัยยุทธ คำคุณ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร กล่าวถึงความคืบหน้าในการผลักดันเศษอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติก หรือ ขยะพิษที่นำเข้ามาอย่างผิดกฎหมายออกนอกประเทศว่า ปัจจุบันมีสินค้าเศษอิเล็กทรอนิกส์ ที่อยู่ในอารักขาของศุลากรจำนวน 85 ตู้ สินค้าเศษพลาสติก 2,100 ตู้
โดยตามระเบียบของกรมศุลกากรสินค้าที่ตกค้างเกิน 2 เดือน 15 วัน จึงจะสามารถผลักดันกลับประเทศต้นทางได้ ซึ่งจากการสำรวจสินค้าตกค้างที่มีอยู่ พบว่า มีสินค้าตกค้างเกิน 30 วัน จำนวน 675 ตู้ สินค้าตกค้างเกิน 2 เดือน 15 วัน จำนวน 600 ตู้ หรือคิดเป็น 10,000 ตัน ซึ่งได้ดำเนินการผลักดันออกนอกประเทศไปแล้ว จำนวน 54 ตู้ โดยใช้วิธีการแจ้งตัวแทนเรือนำกลับออกไปนอกราชอาณาจักร และมาตรการ Re-Export เพื่อส่งกลับไปยังประเทศต้นทางที่นำเข้ามาจากประเทศจีนและสหรัฐอเมริกา คงเหลืออีก 546 ตู้ ที่ต้องเร่งผลักดันออกนอกประเทศให้เร็วที่สุด
โฆษกกรมศุลกากร ระบุว่า แม้ที่ผ่านมาท่าเรือกรุงเทพ ได้ประกาศระงับการนำเข้าตู้สินค้าประเภทสินค้าเศษอิเล็กทรอนิกส์ และเศษพลาสติกแล้ว ตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค. แต่ยังมีสินค้าเศษพลาสติกและเศษอิเล็กทรอนิกส์ ที่ยังมีการนำเข้า เนื่องจากยังมี 2 บริษัท ที่ได้รับอนุญาตนำเข้าไปก่อนหน้านี้ และยังสามารถนำเข้าได้ตามที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมกำหนด ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-31 พ.ค. ที่ผ่านมา มีการนำเข้าเศษอิเล็กทรอนิกส์และพลาสติก จำนวน 313,595 ตัน