จากกรณีที่ น.ส.ภัทร (นามสมมุติ) อายุ 40 ปี อดีตครูอนุบาลโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งย่านมีนบุรี เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.กำธร นิยม สว.(สอบสวน) กก.1 บก.ป. เพื่อแจ้งความให้ดำเนินคดีกับเจ้าของและผู้อำนวยการโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในความผิดฐาน “กระทำอนาจาร” และความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน”
ล่าสุดได้รับ ความคืบหน้ากรณีอดีตครูสาวโรงเรียนเอกชนหรูชื่อดังแห่งหนึ่งย่านมีนบุรี หรือ ครูภัทร (นามสมมติ) เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจว่าถูกอดีต ผอ. ซึ่งเป็นเจ้าของโรงเรียน คุกคามทางเพศ โดยหลังจากที่ ได้ไปแจ้งความที่กองปราบ ทางโรงเรียนได้มีทำหนังสือ ชี้แจงสาเหตุการเลิกจ้าง พร้อมระบุว่า คุณครูรายนี้ กระทำผิดหลายครั้ง ส่วนหลักฐานข้อความการสนทนาทางไลน์ถือเป็นการนำเสนอข้อมูลบางส่วนเท่านั้น เพื่อกลบเกลื่อนความผิดเกี่ยวกับเรื่องที่มีการฟ้องร้องคดีอยู่ในชั้นศาล ล่าสุด ครูภัทร ได้ตัดสินใจเดินทางไปที่ สน.มีนบุรี พร้อมด้วยทนายความส่วนตัว เพื่อแจ้งความดำเนินคดีอดีต ผอ.โรงเรียนเอกชนแห่งนี้ ในข้อกล่าวหา หมิ่นประมาทในหนังสือที่ทางโรงเรียนชี้แจงสื่อมวลชน ฉบับลงวันที่ 24 กรกฎาคม 2561
ด้าน ครูภัทร เปิดเผยว่า การที่โรงเรียนเลิกจ้างตน โดยอ้างว่ากระทำความผิดที่ไม่อาจไว้วางใจให้ปฏิบัติหน้าที่ครูได้อีกต่อไป ตนขอยืนยันว่าตลอด 5 ปีที่สอนอยู่ที่โรงเรียนนี้ไม่เคยทำร้ายจิตใจเด็กแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งไม่เคยกระทำความผิดจนได้รับหนังสือเตือนจากทางโรงเรียน ส่วนการสั่งให้พักงานจำนวน 2 ครั้ง เป็นเพียงการประวิงเวลาของทางโรงเรียน เพื่อเป็นการสร้างหลักฐานให้ตนพ้นผิดจากศาลแรงงาน โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมายกำหนด สำหรับ การบอกเลิกจ้างที่โรงเรียนอ้างว่า เลิกจ้างอย่างโปร่งใสนั้นไม่เป็นความจริง เพราะการเลิกจ้าง โรงเรียนจะต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยว่า 30 วัน เนื่องจากโรงเรียนจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล และจะต้องมีกฎระเบียนข้อบังคับในการทำงาน ที่ได้รับการรับรองจากแรงงาน แจ้งให้ลูกจ้างทราบโดยละเอียด แต่โรงเรียนไม่มีกฎระเบียบดังกล่าวเลย ส่วนประเด็นที่ระบุว่าข้อมูลในไลน์ที่นำไปแจ้งความที่กองปราบปรามนั้น เป็นการตัดตอนข้อมูลเป็นเพียงบางส่วน ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะตนไม่เคยลบข้อความการพูดคุยระหว่างตนเองกับอดีต ผอ.รายนี้ นอกจากนี้ ยังขอท้าให้อดีต ผอ. หากเป็นลูกผู้ชายจริงก็ออกมาแสดงตัวยืนยันเรื่องข้อความอนาจารนี้ได้เลย และขอยืนยันว่าทุกคำพูดที่ได้พูดผ่านสื่อเป็นความจริงทุกเรื่อง