พ.ต.ต.อดิศร พันธุมาส สว.สอบสวน สภ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งมีเกิดเพลิงไหม้กุฏิพระ ภายในวัดเจ้าเจ็ดใน ม.3 ต.เจ้าเจ็ด อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย นายอนุกูล เรือนแก้ว นายอำเภอเสนา พ.ต.ท.ธีทัต สีดารักษ์ รองผกก.ป. สภ.เสนา ประสานรถดับเพลิงจากเทศบาลตำบลเจ้าเจ็ด และ อบต.ใกล้เคียงกว่า 10 คัน สมาคมอยุธยารวมใจ ร่วมไปควบคุมเพลิง
ที่เกิดเหตุพบเพลิงกำลังลุกไหม้ที่กุฏิไม้ชั้นเดียว ปลูกติดกันหลายหลัง เจ้าหน้าที่ต้องเร่งระดมฉีดน้ำเพื่อควบคุมเพลิงไม่ให้ลุกลามไปติดกับกุฏิหลังอื่นๆ โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ พบว่าเพลิงทำให้กุฏิเสียหายไป 1 หลัง กุฏิหลังดังกล่าวมี พระอำไพ เลี้ยงรักษา อายุ 69 ปี จำวัดอยู่ แต่ยังไม่พบตัว
กระทั่งออกตามหามาที่ริมกำแพงวัด ใกล้จุดที่ดังเจดีย์เก็บอัฐิ พบร่าง พระอำไพร นอนมรณภาพอยู่ สภาพนอนตะแคงคว่ำหน้า มีน้ำกรดในร่างกายสีเขียวออกที่ช่องปาก ตรวจสอบตามร่างกายไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือถูกทำร้าย ใกล้กันยังพบสุนัขพันธุ์ไทย เพศผู้ สีน้ำตาล นอนเฝ้าศพอยู่
จากการสอบถาม พระสมหมาย อายุ 35 ปี เล่าว่า ช่วงระหว่างเกิดเพลิงไหม้ พระในวัดทั้งหมดอยู่ที่ศาลาการเปรียญ เนื่องจากวันนี้เป็นวันพระ มีญาติโยมมาทำบุญ ส่วน พระอำไพร ไม่ได้ลงจากศาลามา เนื่องจากสุขภาพไม่ค่อยดีและอายุมาก ระหว่างที่พระกำลังสวดมนต์ให้ศีลให้พรชาวบ้านที่มาทำบุญ มีชาวบ้านตะโกนบอกว่าไฟไหม้กุฏิพระ จึงต่างพากันมามาช่วยกันดับไฟ พร้อมกับแจ้งเจ้าหน้าที่
ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า ขณะที่ไฟไหม้กุฏินั้น พระอำไพร น่าจะวิ่งหนีออกมาจากกองเพลิงได้ทัน แต่เพราะอายุมากและมีโรคประจำตัว ทำให้มาเป็นลมหน้ามืดมาเสียชีวิตที่จุดดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้นำศพไปชันสูตรที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เพื่อหาสาเหตุของการเสียชีวิตอีกครั้งใน
ส่วนสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ น่าจะเกิดจากกระแสไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งจะต้องทำการสอบสวนอย่างละเอียดพร้อมทั้งให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักพระนครศรีอยุธยา เข้าตรวจสอบหาสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้อีกครั้งต่อไป