วันที่ 7 ส.ค. อินดีเพนเดนต์ รายงานวิจัยเตือนภัยเชื้อโรคร้ายที่ซุกซ่อนอยู่รอบๆ ตัว โดยเฉพาะโต๊ะทำงาน ลิ้นชัก คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ของใช้ และแก๊ดเจ็ตสำคัญในชีวิตประจำวัน โดยทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยอริโซนา สหรัฐอเมริกา ระบุว่ามนุษย์เป็นแหล่งเพาะแบคทีเรียแหล่งใหญ่ และหากเปรียบเทียบระหว่างชาย-หญิงแล้ว รอบๆ ตัวผู้ชายจะมีแบคทีเรียมากกว่าผู้หญิงราว 3-4 เท่า นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสภาพแวดล้อมในแต่ละพื้นที่ซึ่งทำให้ปริมาณและชนิดของแบคทีเรียต่างกัน เช่น แบคทีเรียที่พบบนโต๊ะทำงานของออฟฟิศในนครซานฟรานซิสโก กับนครนิวยอร์ก จะมีความเหมือนมากเพราะ แต่จะต่างจากแบคทีเรียบนโต๊ะทำงานในเมืองหรือรัฐอื่นๆ ที่มีสภาพเป็นสังคมกลางเมืองน้อยกว่า
เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า คีย์บอร์ด หรือ แป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ มีแบคทีเรียมากกว่าฝารองนั่งโถชักโครกถึง 400 ชนิด แต่ที่น่าตกใจไม่แพ้กันคือ การศึกษาแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ที่ใช้นอกออฟฟิศมีแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคเช่นเดียวกับที่พบในโรงพยาบาล ขณะที่คีย์บอร์ดในห้องคอมพิวเตอร์รวมของมหาวิทยาลัยซึ่งมีนักศึกษาหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนการใช้งาน มีแบคทีเรียที่พบในกระเพาะอาหารด้วย
ส่วน โทรศัพท์มือถือ มีแบคทีเรียมากว่าฝารองนั่งชักโครกราว 10 เท่า แต่สำหรับโทรศัพท์หน้าจอสัมผัสที่มหาวิทยาลัยในเยอรมนีนั้นมีระดับความหนาแน่นของแบคทีเรียน้อยกว่า โดยแบคทีเรียส่วนใหญ่เป็นแบคทีเรียที่พบบนผิวหนัง ภายในจมูก และบางส่วนเป็นแบคทีเรียจากระบบทางเดินอาหาร
เอกสาร กระดาษ และ หนังสือพิมพ์ ก็มีแบคทีเรียสะสมมากเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเอกสารที่พิมพ์จากเครื่องพิมพ์ซึ่งแทบไม่มีการทำความสะอาด หรือจะเป็นเอกสารจากโต๊ะเพื่อนร่วมงานที่มีการส่งผ่านแบคทีเรียระหว่างบุคคล ส่งผลให้เอกสารเหล่านี้มีแบคทีเรียมากไม่แพ้หนังสือในห้องสมุดสาธารณะ
แก้วน้ำและถ้วยกาแฟก็น่าวิตกเพราะกว่าร้อยละ 90 ของถ้วยเคลือบไปด้วยเชื้อโรค ในจำนวนนี้ร้อยละ 20 ปนเปื้อนอุจจาระ และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมทุกคนควรมีถ้วยเครื่องดื่นส่วนตัว ปากกา และดินสอก็ใช่ว่าจะปลอดภัย เพราะเครื่องเขียนเหล่านี้ถูกหยิบจับด้วยมือที่ผ่านอะไรต่อมิอะไรหลายอย่าง จึงเป็นแหล่งที่อยู่ของสารพัดแบคทีเรีย ทั้งจากระบบทางเดินอาหาร ระบบหายใจ แบคทีเรียในสุขา-ห้องน้ำ ยังไม่รวมถึงแบคทีเรียจากการสัมผัสกับโต๊ะ แป้นพิมพ์ และอีกหลายที่ปนเปื้อน ส่งผลให้ปากกา-ดินสอเป็นศูนย์รวมแบคทีเรียจำนวนมากนั่นเอง อ่านแล้วก็อย่าลืมทำความสะอาดของใช้รอบตัวล่ะ ถ้าไม่อยากเพิ่มความเสี่ยงต้องนอนป่วยโดยไม่จำเป็น
