เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

เมื่อวานนี้ (1 ต.ค.61) เวลา 17.00 น. ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 1 อ.เมืองหนองคาย นายนิมิตร แสงอำไพ นายด่านศุลกากรหนองคาย พร้อมเจ้าหน้าที่ศุลกากรที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณด่านพรมแดน ได้ทำการตรวจสอบรถยนต์ที่เข้าออกประเทศ ซึ่งได้เรียกตรวจรถยนต์กระบะมาสด้า สีขาว 4 ประตู ทะเบียน กง 28 หนองคาย ที่ขับจากประเทศเพื่อนบ้านเข้าประเทศ โดยมีชายคนหนึ่งเป็นคนขับ มีผู้หญิงสองคนนั่งมาในรถ (เจ้าหน้าที่ขอสงวนชื่อและนามสกุลเพื่อทำการขยายผลการจับกุม) จากการตรวจสอบพบว่าบริเวณที่นั่งด้านหลัง หญิงสาวนั่งเหยียบถุงผ้าไว้ ท่าทางมีพิรุธ จึงขอตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่าภายในถุงผ้านั้นมีทองคำแท่ง 2 แท่ง น้ำหนัก 2897.9 กรัม ส่วนอีกแท่งน้ำหนัก 2303.4 กรัม รวมน้ำหนักทองคำ 5201.3 กรัม หรือประมาณ 5 กิโลกรัม ประเมินราคาคิดตามเปอร์เซ็นต์ทองในประเทศไทยที่ 95 เปอร์เซ็นต์ ทองคำนี้จะมีมูลค่าประมาณ 5.2 ล้านบาท ซึ่งได้ควบคุมตัวทั้งหมดไว้ก่อน

นายนิมิตร แสงอำไพ นายด่านศุลกากรหนองคาย เปิดเผยว่า จากงานการข่าวทราบว่ามีขบวนการลักลอบนำทองคำเข้าประเทศโดยไม่ผ่านพิธีการทางศุลกากร จึงได้เข้มงวดตรวจสอบ จนกระทั่งมาพบในวันนี้ ซึ่งผู้หญิงที่นั่งเหยียบถุงทองคำไว้ รับสารภาพว่าเป็นเจ้าของทองคำ ส่วนผู้ชายเป็นเจ้าของรถ อ้างว่าไม่ทราบว่ามีการลักลอบนำทองคำมาด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการขยายผลดำเนินการ คาดว่าจะมีการหลอมทองคำเป็นทองคำแท่งในประเทศเพื่อนบ้านแล้วนำเข้าประเทศไทย ปลายทางเชื่อว่าอยู่ที่กรุงเทพฯ โดยในกรณีนี้ถือเป็นการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 มาตรา 242 ลักลอบนำสิ่งของเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านพิธีการทางศุลกากร ซึ่งจะไม่มีโทษปรับ แต่ต้องถูกยึดทองคำและรถยนต์ โดยเจ้าของยินยอมให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรยึดตามกระบวนการ ถือเป็นการสิ้นสุดคดี

อย่างไรก็ตาม การนำทองคำเข้าออกประเทศ สามารถทำได้อย่างถูกกฎหมาย แต่ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ศุลกากรให้ทราบ และต้องจ่ายภาษีให้ถูกต้อง ซึ่งในกรณีนี้หากดำเนินการถูกต้องจะจ่ายภาษี 7 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ประมาณ 4-5 แสนบาท