เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยัน เปลี่ยนผู้ต้องหา ไม่ได้ กรณีพ่อออกรับผิดแทนลูก หลังขับ เก๋งชนครู อนุบาลลูก 3 เสียชีวิตสลด เผยแจ้งข้อหาผู้กระทำผิดตัวจริงแล้ว เตรียมดำเนินคดีกับพ่อด้วย ระบุพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ชี้หากพบตำรวจบกพร่อง ต้องถูกดำเนินการทางวินัย-อาญา

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงความคืบหน้า กรณีรถเก๋งเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ของหญิงที่ขับขี่มา เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ในพื้นที่ สภ.ช้างเผือก จ.เชียงใหม่ ซึ่งมีสื่อนำเสนอว่ามีผู้อื่นมารับผิดแทนผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวและเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์นั้น ว่า สำหรับประเด็นที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับพนักงานสอบสวนได้เปลี่ยนตัวผู้ต้องหาที่ก่อเหตุนั้น ได้รับรายงานจาก สภ.ช้างเผือก ว่าได้ดำเนินการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องตาม

พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวต่อว่า โดยในวันเกิดเหตุได้มี นายจรัล เอกโสวรรณ อายุ 66 ปี มาแสดงตัวอยู่ในที่เกิดเหตุและแจ้งกับพนักงานสอบสวนว่า ตนเองเป็นผู้ขับขี่รถยนต์คู่กรณี พนักงานสอบสวนจึงได้ทำการสอบสวนปากคำและตรวจสอบพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องในเบื้องต้น แต่ก็ยังไม่ได้ปักใจเชื่อแต่อย่างใด

รอง โฆษก ตร. กล่าวอีกว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้เรียกตัวนายพศินมาดำเนินคดีแล้ว โดยจะแจ้งข้อกล่าวหา ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ และทรัพย์สินผู้อื่น เสียหาย, ขับรถแซงเพื่อขึ้นหน้ารถอื่น ภายในระยะ 30 เมตรก่อนถึงทางร่วมทางแยก และขับรถก่อให้เกิด ความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่น ต้องหยุดรถและให้ความช่วยเหลือตามสมควรและพร้อมแสดงตัว และแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่

พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า ในส่วนของนายจรัลที่มาแสดงตนว่าเป็นคนขับรถเก๋งคันคู่กรณีในจุดเกิดเหตุแทนลูกชายตนเองนั้น พนักงานสอบสวนก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป สำหรับคดีนี้มีการดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา และให้ความเป็นธรรมสำหรับทุกฝ่าย โดยพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยานไปแล้วจำนวนหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ยังรอผลการชันสูตรพลิกศพจากแพทย์ รอผลการตรวจจากพิสูจน์หลักฐาน เพื่อมาประกอบคดี อีกทั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามตัวคนขับรถเก๋งคู่กรณีมาดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว

รอง โฆษก ตร. กล่าวด้วยว่า ตนได้รายงานให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. รับทราบแล้ว ที่ผ่านมา ผบ.ตร. ได้เน้นย้ำให้กองบัญชาการทุกภาคส่วน ดำเนินการสืบสวนสอบสวนในทุกคดี ด้วยความถูกต้อง รวดเร็ว ละเอียดรอบครอบ เป็นธรรมกับทุกฝ่าย ตามหลักกฎหมาย และอาศัยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์หรือพยานหลักฐานที่ชี้ถึงตัวผู้กระทำความผิดเป็นสำคัญ และต้องสามารถนำผู้ก่อเหตุมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ได้โดยเร็ว เพื่อเยียวยาความเสียหาย