เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

เป็นอีกเรื่องราวที่ต้องการให้สังคมได้รับรู้ เมื่อสมาชิกเฟสบุ๊ก Kawintiwut Pop ได้แชร์เรื่องราวของลูกสาวตัวน้อย ที่ถูกทำร้ายอย่างน่าสงสัย จึงอยากใคร่ขอความเป็นธรรม ให้กับเด็กน้อย โดยมีเรื่องอยู่ว่า

ดิฉันนางสาวกวินญารักษ์และนายกวินท์ทิวัท มีบุตรสาวอายุ 3 ขวบ ยังไม่ค่อยพูด เรียนอนุบาล 1 อยู่ที่ โรงเรียนย่านถนนเพิ่มสิน เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร มีเหตุเกิดขึ้นกับบุตรสาวจึงมาร้องเรียนขอความเป็นธรรมให้สื่อช่วยตรวจสอบ เพราะทางโรงเรียนไม่ยอมตรวจสอบหาสาเหตุที่เกิดขึ้นกับบุตรสาวผ่านมา 3 เดือนแล้วค่ะ

           ​เนื่องจาก วันพฤหัสบดีที่ 14 กันยายน 2560 เวลาประมาณ บ่าย 3 โมงครึ่ง  ดิฉันได้นั่งรถแท็กซี่ไปรับลูกที่โรงเรียน กลับมาถึงบ้านก็ราว ๆ บ่าย 4 โมงกว่า ก็พาลูกเปลี่ยนเสื้อผ้าและกำลังจะเอาของว่างให้ลูกกินตามปกติ แต่พอถอดเสื้อพละออกให้ลูกเท่านั้นแหละก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น ที่บริเวณแผ่นหลังของลูกด้านขวา เป็นรอยขูดลึกจนถลอก ถึง 4 รอย คล้ายเล็บขูดเพราะรอยแผลจะใกล้ ๆ เรียง ๆ กันอยู่ ลึกจนมีเลือดไหลซิบออกมาติดอยู่ที่เสื้อกล้ามที่เราสวมทับกับเสื้อนักเรียนให้ลูกเป็นประจำทุกวัน เราถามลูกได้แต่บอกเจ็บ ๆ ลูกเรายังพูดไม่ค่อยเก่งพูดได้ไม่กี่คำ และใต้ต้นแขนด้านซ้ายก็โดนจิกด้วย ตอนนั้นก็เป็นเวลาเกือบ 5 โมงเย็นแล้วจะไปถามครูที่โรงเรียนก็คงกลับบ้านกันหมดแล้ว เลยได้แต่โทร. บอกแฟน ตอนนั้นโกรธมากเพราะนี่เป็นครั้งที่ 3 แล้ว ที่ลูกเราถูกทำร้ายมาแบบนี้

หลังจากนั้นดิฉันกับสามีได้พาลูกไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.สายไหม โดยมี ร.ต.อ. ไพบูลย์ โพธิ์ทอง รับเรื่อง และให้ทางดิฉันไปขอดูกล้องวงจรปิดเองที่โรงเรียนเขาบอกว่าถ้าทางโรงเรียนไม่ให้ดูให้กลับมาแจ้งดำเนินคดี หลังจากนั้นดิฉันได้พาลูกสาวไปตรวจร่างกายเองที่ รพ.สายไหม โดยทางร้อยเวรไม่ได้ให้ใบไปตรวจร่างกายกับทางโรงพยาบาล แพทย์ได้ระบุว่าเกิดจากของมีคม เป็นรอยแผลถลอกลึก

​ครั้งที่  1 โดนข่วนที่บริเวณใต้วงแขน ตรงต้นแขนมีทั้งรอยจิกรอข่วน 3 ถึง 4 รอย ทั้งที่รอยก็เห็นชัดมาก แต่ครูก็ไม่แจ้งเราตอนไปรับลูกกลับบ้าน เช้าวันถัดมาดิฉันไปถามก็บอกไม่รู้ไม่เห็นบอกเด็กเล่นกัน ครูประจำห้องเรียนมีทั้งหมด 3 คน ครูไทย 1 คน ครูต่างชาติ 1 คน ครูพี่เลี้ยง 1 คน เด็กนักเรียนแค่ 19 คน

​ครั้งที่ 2 โดนจิกบริเวณโคนเล็บนิ้วมือ เหวอะลึกและมีเลือดไหลซึม ดิฉันไปรับลูกตอนเย็น ครูก็ไม่แจ้งให้ทราบอีกเหมือนเดิม เช้าวันถัดมาดิฉันไปถามครูได้ความว่าเพื่อนในห้องที่ชื่อ น้อง พ. ทำ ครั้งนี้ครูรู้สาเหตุรู้ตัวเพื่อนที่ทำลูกแต่ทำไมไม่ยอมบอกเราแต่แรก ดิฉันก็ไม่ได้คิดจะไปเอาเรื่องใคร แค่อยากรู้สาเหตุว่าลูกเราไปโดนอะไรมา เราเป็นแม่ก็ห่วงลูกเป็นธรรมดา ทำไมครูต้องปกปิด ต้องรอให้ไปถามถึงค่อยบอก คือลูกเราจะโดนจิกมาบ่อยครั้ง แต่เราเห็นว่าไม่เยอะเราเลยลองทำเป็นเงียบไม่ไปถามครู ครูก็เงียบทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ลูกดิฉันอยู่โรงเรียนนี้มาได้สัก 4 เดือนกว่าแล้ว ลูกเข้ามาเรียนได้ประมาณเดือนที่ 2 เริ่มนอนผวา บางคืนนอนละเมอ ร้องไห้และพูดคำว่า “อย่า ๆ” บางคืนก็ดิ้นทุรนทุราย แขนและขาลูกเตะตีแกว่งไปมาเหมือนหวาดกลัวใครมาทำร้ายทั้งที่หลับอยู่ เป็นแบบนี้ตลอดระยะเวลาที่ไปโรงเรียน แต่พอปิดเทอมอาการเริ่มหายไป  ไม่มีอาการนอนละเมอร้องไห้อีกเลย

​ครั้งที่ 3 โดนจิกข่วนมาบริเวณไหล่สะบักหลังด้านขวา และใต้ท้องแขนซ้าย เช้าวันที่ 15 กันยายน ดิฉันไปถามทางโรงเรียนเหมือนเดิม เพราะครูไม่แจ้งผู้ปกครองเหมือนเดิม ทั้ง 3 ครั้ง คราวนี้เจ็บเยอะเรามองว่าไม่น่าใช่เด็กเล่นกันธรรมดา เลยไปขอพบผู้บริหาร แต่ครูประชาสัมพันธ์บอกต้องคุยกับหัวหน้าฝ่ายอนุบาลก่อน ดิฉันถามถึงสาเหตุที่ลูกบาดเจ็บครั้งนี้ ครูประจำชั้นบอกว่า ลูกลอดเข้าไปเล่นใต้โต๊ะกับเพื่อน ครูหัวหน้าฝ่ายจึงเดาและพูดขึ้นมาว่าคงจะโดนนอตใต้โต๊ะขูด แต่ดิฉันคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่นอตจะขูดถึง 4 รอย และเด็กคนอื่น ๆ ไม่มีใครโดนขูดทั้งที่เล่นอยู่ด้วยกัน ส่วนครูประจำชั้นเดาว่า คงโดนเล็บเพื่อนขูด และทำทีไปตรวจดูเล็บเด็กในห้อง และกลับมาแจ้งดิฉันว่าน้องดอลลี่ เด็กผู้ชายที่เล็บยาวสุดในห้อง เป็นคนทำ แต่ดิฉันบอกกับครูว่าถ้าไม่มีใครเห็นตอนน้องทำ ก็ไม่อยากให้ไปว่าเด็ก ถ้าเด็กไม่ได้เป็นคนทำคงเสียใจ ส่วนครูพี่เลี้ยงเดาว่าน่าจะโดนนาฬิกาเพื่อนขูด ดิฉันถามครูประจำชั้นว่าลูกเล่นแค่ในห้องใช่ไหม ครูยืนยันว่าเล่นและทำกิจกรรมอยู่แต่ในห้องทั้งวัน ดิฉันเลยขอดูกล้องวงจรปิดในห้องเรียนลูก ครูหัวหน้าฝ่ายอนุบาลบอกคนที่มี Password ไม่อยู่ไปประชุมนอกสถานที่ ไม่สะดวกให้ดู ยังบอกอีกด้วยว่า ดูไปก็ไม่เห็นอะไร ถ้าจะดูต้องใช้เวลาดู

ทางดิฉันเลยถามว่าให้ดูได้เมื่อไร รบกวนให้โทร. แจ้งล่วงหน้า เพื่อทางดิฉันจะได้ลางานมานั่งดู ดิฉันรอให้ทางโรงเรียนติดต่อกลับมา ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 15 กันยายน จนถึงวันพฤหัสบดีที่ 21 กันยายน ร่วม 1 สัปดาห์ ไม่มีการติดต่อใด ๆ จากทางโรงเรียน ระหว่างนี้ดิฉันก็ไม่ได้ให้ลูกไปโรงเรียน กลัวว่าจะเจ็บมาอีก จนวันศุกร์ที่ 22 กันยายน เช้า ได้เข้าไปสอบถามอีกครั้ง เพราะวันจันทร์ที่ 25 และวันอังคารที่ 26 ลูกต้องไปสอบมิดเทอม ปรากฏว่าครูหัวหน้าฝ่ายอนุบาลไม่ยอมให้ดูกล้อง โดยอ้างว่าเซิร์ฟเวอร์เสียเพิ่งให้ช่างมาซ่อมไปเมื่อวันพฤหัสบดี และยังบอกอีกว่าครูนั่งดูแล้วไม่เห็นมีอะไร (ไม่มีอะไรแล้วทำไมลูกเราบาดเจ็บได้) ดิฉันยืนยันยังไงก็จะขอดูกล้องทั้งหมดทุกช่วง เขาเลยอ้างว่า ให้ทางดิฉันไปเขียนใบคำร้องขอดูกล้อง (แล้วทำไมไม่ให้เขียนแต่แรก ให้รอทำไมเป็นสัปดาห์) แล้วบอกดิฉันว่าให้ดูได้แค่บางช่วง ให้ดูทั้งหมดไม่ได้ แต่ไม่บอกสาเหตุว่าเพราะอะไรถึงไม่ให้ดูหมด

ดิฉันก็ไปขอใบคำร้องมาเขียนและยื่นเช้าวันจันทร์ที่ 25 กันยายน พร้อมมานั่งรอลูกสอบทั้งวัน พอบ่าย 3 โมงก็กำลังจะขึ้นไปรับลูกกลับบ้าน ครูหัวหน้าฝ่ายอนุบาลก็เดินมาแจ้งว่าสามารถให้ดูกล้องได้ แต่ให้ดูบางช่วงไม่ให้ดูทั้งหมด และสะดวกให้ดูได้แค่ 2 วัน คือวันที่ 25 และ 26 กันยายน ถ้าไม่ดูภายใน 2 วันนี้ก็ไม่ได้ดูแล้ว โดยให้เหตุผลว่าเซิร์ฟเวอร์จะเต็ม และครูจะไม่มาทำงานในที่ 27 ถึง 29 กันยายน ดิฉันบอกขอปรึกษากับแฟนก่อน เพราะถ้าดูวันอังคารที่ 26 กันยายน ก็ต้องลางานมาดูและต้องลาแบบกะทันหัน ส่วนวันจันทร์ที่ 25 ก็เป็นเวลาบ่าย 3 โมงกว่าแล้ว ดิฉันไม่กล้าปล่อยให้ลูกรอในห้องเรียน ห่วงเรื่องความปลอดภัยของลูก อีกอย่างดิฉันพาลูกคนเล็กมาด้วย คงไม่มีสมาธินั่งดูแน่ เด็กขวบกว่ากำลังซนไม่อยู่นิ่ง ครูหัวหน้าฝ่ายอนุบาลพูดขึ้นว่าที่ลูกดิฉันบาดเจ็บ ไม่ได้เป็นที่ครู ไม่ได้เป็นที่เพื่อนนักเรียน เราเลยถามกลับไปว่าเป็นที่ลูกของเราเหรอคะ เท่านั้นแหละเขาโมโหใหญ่เลย ถามดิฉันว่าแล้วจะให้เขาแก้ปัญหายังไง ดิฉันบอกเคยคุยกับครูประจำชั้นว่า จะขอย้ายห้อง เขาบอกจะย้ายก็ต้องขึ้นอยู่กับเขาเพราะเขาเป็นหัวหน้าฝ่ายอนุบาลว่าจะให้ย้ายหรือไม่ย้าย เขาบอกเปลี่ยนกลุ่มนั่งก็พอแล้ว ดิฉันบอกเปลี่ยนกลุ่ม แต่เด็กก็ยังต้องเจอต้องเล่นกับเพื่อนในห้องอยู่ดี เขาบอกย้ายห้องไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ดี สรุปย้ายไม่ได้เหรอคะเราถาม ครูหัวหน้าฝ่ายบอกย้ายห้องไปอาจเจอหนักกว่าเดิม (ถึงขั้นขู่เด็กกับผู้ปกครอง ถ้าย้ายจะเจอหนักกว่าเดิม แบบนี้ไม่เหมาะสมมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายอนุบาลแล้วค่ะ) ดิฉันเลยเลิกคุยกับผู้ใหญ่แบบนี้ และคนที่เป็นหัวหน้าฝ่ายอนุบาลมีความคิดกับเด็กที่ยังพูดไม่ชัดแบบนี้ได้ยังไง ดิฉันบอกว่ายังไงก็จะขอดูกล้องวงจรปิดค่ะ ดิฉันเลยขอตัวไปรับลูกกลับบ้าน เขาบอกกับดิฉันว่าไม่มีสิทธิ์ดูกล้องค่ะ ดูลูกเราเจ็บก็ไม่ได้ ดิฉันจึงอยากขอความช่วยเหลือด้วยค่ะ เดือดร้อนมากค่ะ ลูกยังมีอาการผวามาเป็นระยะอยู่เรื่อย ๆ เลยค่ะ

ที่มา – Kawintiwut Pop